| ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
|---|
การเมืองรับเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ต่อเนื่องไปจนถึง 120 วัน ก่อนถึงวันเปิดประชุมอย่างเป็นทางการ
ก็ส่อเค้าร้อนแรง จากสถานการณ์ทางการเมืองที่เป็นไฟต์บังคับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาลจะต้องเผชิญ บททดสอบจากฝั่งนิติบัญญัติ
ด่านแรก คือ การประชุมสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ในวาระรับหลักการ
ตามไทม์ไลน์จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 มิถุนายน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ถือเป็นกฎหมายที่สำคัญของรัฐบาล หากเกิดอุบัติเหตุ ไม่ผ่านการพิจารณาจากที่ประชุมสภา
รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบ คือ ยุบสภาหรือลาออก แน่นอนรัฐบาลย่อมต้องระดมทุกสรรพกำลัง รวมทุกเสียงโหวตให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ผ่านไปให้ได้
แต่ด่านที่สอง คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ และคณะรัฐมนตรี ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ
ตามไทม์ไลน์ คาดว่าจะเปิดอภิปรายกันในช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ด่านที่สองนี้จะมีผลถึงการ “อยู่” หรือ “ไป” ในเก้าอี้นายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์
เนื่องด้วยเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งสุดท้ายของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก่อนที่รัฐบาลจะครบวาระ 4 ปี ในวันที่ 23 มีนาคม 2566
การอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงต้องเน้นเป็นพิเศษ ทั้งข้อมูลหลักฐานและเนื้อหาสาระ เพื่อเป้าหมายสูงสุด คือ ล้ม พล.อ.ประยุทธ์ ให้พ้นจากเก้าอี้นายกฯ
หากล้มนายกฯไม่ได้ ก็ต้องสร้างบาดแผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องอยู่ในสภาพถึงขั้นเจ็บหนักก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป แม้ฝั่งรัฐบาลจะมั่นใจในเสียงสนับสนุนของพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังมีเอกภาพ ไม่แพแตก พร้อมช่วยกันนำรัฐนาวาให้ไปถึงฝั่งจนครบวาระ แต่การเมืองในเวลานี้จะวางใจเสียทีเดียวคงไม่ได้ อาจต้องดูกันวันต่อวัน
แม้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลยังมีมากกว่าเสียงของพรรคร่วมฝ่ายค้าน อยู่ที่ 267 เสียง ต่อ 208 เสียง หากหักเสียงของพรรคเศรษฐกิจไทย (ศก.) 16 เสียง
ที่ประกาศจุดยืนโหวตอยู่ข้างประชาชน รวมทั้งท่าทีของกลุ่มพรรคเล็ก ที่ประกาศตัวในนาม “กลุ่ม 16 เสียง” ที่ออกมาระบุท่าทีล่าสุดว่า ไม่ใช่บริษัทจำกัด
พรรคเล็กไม่ใช่ของตายที่จะสั่งได้ ทุกอย่างต้องยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก หากรวมเสียงของพรรค ศท. กับกลุ่ม 16 ที่ผนึกกำลังกันแน่น
จะมีเสียงที่อยู่นอกเหนือการควบคุมถึง 32 เสียง อาจส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ล้มเก้าอี้นายกฯ ภาค 2 ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นได้อีกครั้ง
ยิ่งสัญญาณจากผู้นำฝ่ายค้าน อย่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาระบุถึงกระแสข่าว การดีล 30 ส.ส.ฝั่งรัฐบาล ให้มาร่วมกับฝ่ายค้าน
ในการลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ แบบมีความเป็นไปได้ว่า “ขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการ หากมีความจำเป็นต้องพูดคุยกันเพื่อบ้านเมือง ก็เป็นวิธีการที่ไม่เสียหายอะไร
ในมิติทางการเมือง ต้องพยายามอยู่แล้ว ไม่ปฏิเสธ ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล แต่หลายพรรคต้องรักษามารยาททางการเมือง
เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หากจะออกมาทำอะไรโจ่งแจ้งก็จะกระทบการทำงานได้ยิ่งเห็นปรากฏการณ์ปล่อยให้ ส.ส.ลาออก หรือย้ายพรรค
เลือกตั้งซ่อมก็ไม่ส่ง มันเป็นสัญญาณเสมือนว่ารัฐบาลนี้อยู่ไม่ยาว”
การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร วันนี้มั่นใจว่าชัวร์ พรุ่งนี้อาจพลิกล็อกได้
จตุรงค์ ปทุมานนท์
