สถานีคิดเลขที่ 12 : เหตุที่เป็นสังคมงมงาย

สถานีคิดเลขที่ 12 : เหตุที่เป็นสังคมงมงาย รู้กันดีว่าสังคมไทยเรา

รู้กันดีว่าสังคมไทยเรา ยังมีแนวคิดงมงายครอบงำอยู่มากมาย ยังไปจุดธูปไหว้ท่อนไม้ โขดหิน จอมปลวก เอาแป้งไปโรยไปถูหาตัวเลข ยังไปทำพิธีมหาเสน่ห์ อะไรเหล่านี้ แต่มาเจอเหตุการณ์เจ้าสำนักลัทธิประหลาด ให้สาวกกินฉี่ กินอึขี้ไคล น้ำเหลือง เพื่อรักษาโรคและเพื่อไปสวรรค์ ก็ต้องอ้าปากค้างกันไปทั้งบ้านทั้งเมือง

เจอ “พระบิดา” สุดสะอิดสะเอียนเข้าให้ พวกไหว้สัตว์ 5 ขา 6 ขา กลายเป็นเรื่องเด็กๆ ไปเลย

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ทำไมถึงงมงายน่าคลื่นไส้ได้ขนาดนี้ ดีไม่ดีไม่แค่พระบิดารายนี้รายเดียวหรือสำนักเดียว อาจจะยังมีอะไรอยู่อีกมากมายในสังคมไทยเรา

สะท้อนให้เห็นว่า สังคมประเทศเรายังเต็มไปด้วยความคิดงมงายไร้เหตุผลปกคลุมไปทั่ว

Advertisement

ส่วนหนึ่งต้องย้อนไปดูภาพรวมของประเทศชาติเรา ที่ถูกกลุ่มอำนาจแนวอนุรักษนิยมการเมือง ครอบงำและพยายามฉุดรั้งให้สังคมไทยไม่พัฒนาก้าวหน้าไปไหน

ย้อนมองในช่วง 10-20 ปีมานี้ ขบวนการอนุรักษนิยมการเมือง เริ่มเข้ามาควบคุมสังคมไทยอย่างจริง นับจากการเกิดม็อบใหญ่ในปี 2548 ต่อเนื่องมาถึง 2549 เพื่อต่อต้านนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งสามารถสร้างความนิยมในหมู่ประชาชนได้อย่างกว้างขวาง จนไม่อาจปล่อยให้เติบโตต่อไปอีกได้

ม็อบฝ่ายขวาที่ก่อเกิดในปี 2548 และประสบความสำเร็จในปี 2549 เมื่อสามารถสร้างกระแสครอบงำสังคมไทย ให้ประชาชนหลงเชื่อได้ว่า เราควรถอยกลับไปสู่ยุคที่ให้ทหารเข้ามาควบคุมบ้านเมืองดีกว่า สังคมเราไม่ควรก้าวหน้าเป็นทุนนิยม

Advertisement

การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จึงประสบความสำเร็จราบรื่น

แต่หลังจากนั้นฝ่ายอนุรักษนิยมการเมือง ก็ไม่สามารถควบคุมสังคมได้ในกำมือเหมือนเดิม จึงต้องเกิดม็อบปลายปี 2556 แล้วประสบความสำเร็จในปี 2557 เมื่อศาสดาม็อบครอบงำมวลชน จนหลงเชื่อว่ายังไม่ควรมีเลือกตั้ง ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง จนเกิดรัฐประหาร แล้วได้ผู้นำกองทัพเป็นผู้บริหารประเทศยาวนานมา 8 ปีแล้ว

ภายใต้หลักคิดของฝ่ายอนุรักษนิยมการเมือง ต้องทำให้ประเทศชาติอยู่ในกรอบแคบๆ ไม่ต้องคิดไกลไปทันโลก ต้องไม่มีประชาธิปไตยเสรี เพื่อวางตัวผู้นำการเมืองที่ไม่ใช่นักประชาธิปไตย ไม่ใช่นักเสรีนิยม

นี่จึงเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันทางความคิดครั้งใหญ่ในสังคมไทยช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพราะฝ่ายผู้มีอำนาจต้องการฉุดสังคมให้ล้าหลังต่อไป เด็กรุ่นใหม่จึงลุกฮือ

เกิดข้อเรียกร้องย้ายประเทศกันดีกว่า เพราะไม่อยากอยู่กับสังคมที่ล้าหลัง

เรียกร้องระบบการศึกษาใหม่ ที่สร้างเด็กให้คิดเป็น เน้นความจริงหลักเหตุผล กล้าพูด กล้าแสดงออก ไม่ใช่ระบบการสอนที่เน้นการท่องจำ และเชื่อฟังผู้ใหญ่ห้ามโต้เถียงเท่านั้น

โรงเรียนทางเลือก ที่สอนเด็กตามหลักสูตรทันสมัยทันโลก ยังถูกนายกรัฐมนตรีตัวแทนฝ่ายอนุรักษนิยมการเมือง เฝ้ามอง จะให้สอบสวนตรวจสอบ

เมื่อสังคมถูกฉุดให้อยู่ในกรอบอันล้าหลัง จึงไม่สร้างผู้คนให้รู้จักคิดรู้จักหาเหตุผลก่อนจะเชื่อ

เพราะถ้าคนส่วนใหญ่ไม่ใช่คนว่านอนสอนง่าย แต่รู้จักคิด รู้จักตรวจสอบ และค้นหาเหตุผล นั่นจะทำให้ระบบการเมืองอนุรักษนิยมอยู่ไม่ได้

ช่วงเกือบ 20 ปีมานี้ สังคมไทยถูกฝ่ายอนุรักษนิยมการเมืองรุกหนัก

จึงไม่น่าแปลกใจที่ความคิดงมงายครอบงำไปทั่ว จนเกิดกรณีเจ้าลัทธิประหลาดให้เห็นกันนั่นเอง

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image