สถานีคิดเลขที่12 : คนละงานเดียวกัน

เทศกาลหาเสียงจริงจังเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ

ฝ่ายค้านเริ่มมาพักใหญ่แล้ว โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่มีการตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มาเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินสายคู่ไปกับแกนนำพรรค

พร้อมกับดึง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มาเป็น ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ประเดิมเวทีที่ศรีสะเกษไปแล้วอย่างร้อนแรง ยังมีคลิปให้ดูในยูทูบ

ต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านไป มีส่วนอย่างมากในการกระตุ้นความตื่นตัวของประชาชน

Advertisement

การทำงาน การวางตัว การเปิดกว้างรับฟัง ของผู้ว่าฯชัชชาติ สิทธิพันธุ์ สร้างความหวังให้เกิดกับคนไม่น้อยว่า จะได้ผู้นำประเทศในแนวเดียวกันจากการเลือกตั้งครั้งต่อไป

สัปดาห์ที่แล้ว นิด้าโพล เปิดโพลนายกฯในความเห็นของคนรุ่นใหม่ พบว่า น.ส.แพทองธาร มาแรงมากเป็นอันดับ 1 อันดับ 2 ระบุว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ตามมาด้วยอันดับ 3 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แห่งพรรคก้าวไกล อันดับ 4 เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ทั้งหมดนี้มีผลต่อพรรคต่างๆ โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐอยู่ไม่น้อย

Advertisement

ล่าสุดพรรคพลังประชารัฐ ออกข่าวโครมครามว่า จัดโปรแกรมโรดโชว์ 10 ภูมิภาค 10 เวที ให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำ รมต.และแกนนำพรรคขึ้นเวทีโชว์ผลงาน

ประเดิมเสาร์ที่ 2 ก.ค.นี้ ที่ชลบุรี อันเป็นพื้นที่ของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และเป็นขุนพลระดับแกนนำของ พปชร.

ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่ได้ร่วมเวทีดังกล่าว ด้วยเหตุผลว่า เป็นเวทีระดับพรรค หรือเป็นเวทีการเมือง

การให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลอยตัวจากเวทีหาเสียงของพรรค ในยามที่ควรจะกอดคอกันสู้ศึกเลือกตั้ง จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ฟังดูแปลกๆ น่าคิดอยู่เหมือนกัน

แต่เรื่องอย่างนี้ จะจัดการอย่างไรก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค ถ้าเชื่อว่าใช่ เชื่อว่าจะนำไปสู่ชัยชนะในสนามเลือกตั้ง ก็ว่ากันไป

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้เชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งใหม่
ที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปี 2566

จะเป็นการเลือกตั้งที่แตกต่างไปจากเดิมอีกมาก

การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 ผลการเลือกตั้งสร้างเซอร์ไพรส์หลายเรื่อง ทั้งเชิงบวกและลบ

มีสัญญาณเตือนชัดว่า แนวคิดเบื้องหลังหรือความคิดชี้นำรัฐธรรมนูญ 2560 นั้น ขัดแย้ง และไปกันไม่ได้ กับความประสงค์ของประชาชนผู้มีสิทธิและใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างชัดแจ้ง

การเมืองหลังเลือกตั้ง จึงออกไปทางวิกฤต แต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด กลายเป็นตัวช่วยรัฐบาลในทางการเมืองไป

และอาศัยผลสะเทือนจางๆ ข้ออ้างที่แผ่วลงมากแล้ว จากรัฐประหาร 2557 ดั้นด้นเดินหน้าไปตามพิมพ์เขียวที่วางไว้ อย่างฝืดๆ แต่ก็มาได้จนเกือบครบวาระเหมือนกัน

มาถึงรอบนี้ กระแสคลื่นของคนที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง เหมือนอย่างที่กำลังเกิดขึ้นใน กทม. มาแรงและเอ่อท่วมข้ออ้างต่างๆ ที่เคยได้ผลในปี 2560

รอบนี้ พรรคไหนเสนอการปรับเปลี่ยน จะหาเสียงง่ายหน่อย

ส่วนพรรคไหนกลุ่มไหนยืนยันเข็นครกขึ้นเขา ยืนยันเสนอ “ความไม่เปลี่ยนแปลง” งานหนักแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image