ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : ก.ย.64 กับ ก.ค.65 โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน
ออกมาเขย่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีล่วงหน้าแล้ว ก่อนจะถึงวันเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐมนตรีรวม 11 คน ซึ่งกำหนดเอาไว้เป็นวันที่ 19 กรกฎาคมหรืออีก 2 สัปดาห์เศษๆ
โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ที่เรียกกันว่าเป็นพรรคอิสระ ไม่ใช่ฝ่ายค้าน แต่จะหนุนรัฐบาลเป็นเรื่องๆ
ประกาศท่าทีว่า รัฐมนตรีบางคนอาจจะชี้แจงประเด็นการอภิปรายของฝ่ายค้านได้ไม่ดีพอ เพราะเป็นปัญหาทุจริตรุนแรง ซึ่งตนเองและพรรคเศรษฐกิจไทยคงจะไปยกมือโหวตให้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นประชาชนจะไม่เลือกกลับเข้ามาอีก
แล้วถ้ารัฐมนตรีมีปัญหาเสียงโหวต ก็จะกระทบไปถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ต้องรับผิดชอบด้วย
ร.อ.ธรรมนัสส่งสัญญาณแบบนี้ ทำเอาการเมืองร้อนระอุไม่น้อย
แต่ก็นั่นแหละ ยังมีเวลาอีกราว 2 สัปดาห์เศษ ต้องจับตาดูท่าทีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คนที่ ร.อ.ธรรมนัสเกรงอกเกรงใจ
จะสามารถกล่อมได้สำเร็จหรือไม่
สุดท้ายอาจจะยอมอ่อนระทวยให้กันอีกก็ได้
แต่ถ้าจะถามว่า ทำไมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต้องมามีปัญหาไม่ราบรื่นอันเนื่องจาก ร.อ.ธรรมนัสในวันนี้
นั่นก็เพราะเหตุการณ์การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน เมื่อปลายเดือนสิงหาคมและลงมติต้นเดือนกันยายนปีที่แล้ว
ตอนนั้น ร.อ.ธรรมนัสและกลุ่ม ส.ส.พลังประชารัฐจำนวนหนึ่ง คิดเล่นบทเป็นฮีโร่ ร่วมโหวตไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย เนื่องจากสถานการณ์ในตอนนั้น เกิดวิกฤตโควิดและรัฐบาลจัดหาวัคซีนมาล่าช้า แทงม้าตัวเดียว จนโดนประชาชนสวดกันสนั่นเมือง
ขณะที่กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส รู้สึกว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดหาวัคซีนแต่ต้องโดนประชาชนสวดกันหูอื้อ จึงเกิดแนวคิดถ้าโหวตไม่เอารัฐบาล ก็จะทำให้การเมืองไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงมีทางออก
สุดท้ายด้วยบารมีของ พล.อ.ประวิตร เจรจาจน ร.อ.ธรรมนัสยอมยุติแผนโหวต แต่สุดท้ายแห่งสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ดันไม่ยอมจบด้วยการปลด ร.อ.ธรรมนัสพ้นจาก ครม.
นั่นแหละจึงแตกหักชนิดยากจะคุยกันได้อีก
นั่นคือเหตุการณ์กันยายนปีที่แล้ว ทำให้เกิดสถานการณ์ระทึก ในปลายเดือนกรกฎาคมนี้
จากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อกันยายน 2564 มาหวาดเสียวอีกหนในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจกรกฎาคม 2565
แถมสถานการณ์ความไม่พอใจของประชาชนในวันนี้ จากวิกฤตราคาน้ำมัน ทำให้ข้าวของแพงไปทุกอย่าง เป็นสถานการณ์คล้ายๆ กับวิกฤตโควิดที่ประชาชนไม่พอใจการจัดหาวัคซีนเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง
อันที่จริงมีการวิเคราะห์กันว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ยอมปรับ ครม. คืนเก้าอี้ 2 รัฐมนตรีช่วยที่ริบไปเมื่อปีที่แล้ว จะเป็นการแก้ปัญหาความขัดแย้งในรัฐบาลอย่างได้ผล
แต่ด้วยศักดิ์ศรีหรือด้วยอะไรก็ตามที
นอกจาก ร.อ.ธรรมนัส ยอมจบ ยอมโหวตให้ในหนก่อน แต่ พล.อ.ประยุทธ์เองไม่ยอมจบไปปลดจาก ครม. ทำให้บาดหมางยากจะคุยกันได้ และยังไม่มีการแก้ไขเยียวยาอะไรตามมาให้อีก
ช่างไม่นึกถึง พล.อ.ประวิตร คนกลางที่ทำให้หน้าที่เจรจาเกลี้ยกล่อมบ้างเลย
ก่อนจะถึง 19 กรกฎาคมนี้ คงต้องเจรจาพูดคุยกันอีกรอบใหญ่ ลงเอยจะยอมใจอ่อนอีกหรือไม่