ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
กรณี นายสันติ กีระนันทน์ โพสต์ข้อความเปิดเผยความในใจในความสัมพันธ์กับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย
และบ่งบอกเหตุผลที่ลาออกจากสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐไปสังกัดพรรคสร้างอนาคตไทย
หลายข้อความสะท้อนภาพน่าสนใจ
ข้อความที่ปรากฏเป็นประเด็นข่าว คือ เรื่อง “อำนาจลึกลับ” ที่ทำให้ข้อเสนอของสมาชิกพรรคพลังประชารัฐซึ่งเดิมเสนอชื่อ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษาพรรค และ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐในขณะนั้น เป็นแคนดิเดต นายกฯร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมเป็น 3 ชื่อ
กลับกลายเป็นเหลือชื่อบิ๊กตู่เพียงชื่อเดียว
นี่แสดงว่า ในตอนนั้นพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อนายสมคิด และนายอุตตม แล้ว แต่กลับมีอำนาจลึกลับสกัด
ไม่ทราบว่าอำนาจที่เอ่ยถึงเป็นอำนาจเดียวกับที่กดดันให้ 4 กุมารต้องลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี กระทั่งต้องออกจากพรรคพลังประชารัฐหรือไม่
หากแต่ก่อนหน้านี้ คงจำได้ว่า ช่วงเวลาหนึ่งในระยะเริ่มต้นของพรรคสร้างอนาคตไทย เคยมีข่าวว่า นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรค เคยโพสต์ทำนองว่า “เกือบจะลาออกจากสมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทย”
เหตุผลสำคัญก็เกี่ยวกับรายชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคนี่แหละ และยังมีคนที่จะทำให้ไม่มั่นใจว่าแคนดิเดตนายกฯของพรรคสร้างอนาคตไทยอาจไม่ใช่นายสมคิด
เรื่องนี้ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวกับอำนาจลึกลับหรือเปล่า แต่ในที่สุดมีการเคลียร์ใจ ทำให้นายสุรนันทน์อยู่ต่อ และเมื่อนายสมคิดลาออกจากเครือสหพัฒน์แล้วกระโดดเข้าร่วมพรรคสร้างอนาคตไทยเต็มตัว ทุกอย่างก็ชัดเจนว่าแคนดิเดตนายกฯของพรรคนี้น่าจะเป็นนายสมคิด
ส่วนอำนาจลึกลับที่นายสันติกล่าวถึง จะมีอานุภาพมากดดันซ้ำอีกหรือไม่ก็ต้องคอยลุ้นกันภายหน้า
น่าสนใจว่า อำนาจลึกลับ นั้นคืออะไร เป็นอำนาจเดียวกับที่พรรคฝ่ายค้านเคยออกมาโจมตีกล่าวหาว่า คอยบ่งการเสียงข้างมากในสภา หรือในรัฐสภาหรือไม่
แต่ข้อเขียนของนายสันติ บ่งบอกว่า คนที่เคยศรัทธาและเข้าร่วมอยู่ฝ่ายเดียวกัน เมื่อเผชิญหน้ากับอำนาจลึกลับก็หมดศรัทธา ไม่ขอเอาด้วย
นายสันติ เขียนไว้ในโพสต์ว่า ผมมีคำถามที่ถามไปว่า ไม่อิงขั้วอำนาจเก่าที่ไล่เราออกมาใช่ไหม ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า ใช่ และอีกคำถามหนึ่งว่า พอถึงเวลาจะเสนออาจารย์สมคิดเป็นแคนดิเดตนายกฯหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่า แน่นอน
2 คำถาม 2 คำตอบดังกล่าวทำให้นายสันติตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และสมัครเข้าร่วมกับพรรคสร้างอนาคตไทย
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนภาพการบริหารงานในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
นายสันติ อาจเป็นเพียงแค่ 1 คนในตอนนี้ที่บอกเล่าประสบการณ์ในช่วงเวลานั้น แต่ใครจะไปรู้ว่า หลังจากนี้จะมีอีกกี่คนที่พร้อมจะเล่าประสบการณ์ในช่วงจังหวะเดียวกัน
อาจจะเป็นคนในพรรคฝ่ายรัฐบาล อาจจะเป็นคนในพรรคฝ่ายค้าน อาจจะเป็นคนในวุฒิสภา หรือองค์กรอื่นๆ
เป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์เกี่ยวกับอำนาจลึกลับเฉกเช่นเดียวกับที่นายสันติเจอะเจอและสงสัย
ดูเหมือนยิ่งใกล้เลือกตั้งใหม่ ยิ่งมีโอกาสได้ยินเรื่องราวเหล่านี้มากขึ้น
ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจลึกลับที่มีพลังผลักดัน กดดัน หรือสกัดกั้นวิถีทางการเมือง ยิ่งเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสนใจ
อำนาจลึกลับมีจริงไหม อำนาจลึกลับเข้าไปแทรกแซงเรื่องอะไรบ้าง และอำนาจลึกลับนั้นมาจากผู้ใด
เรื่องเล่าเหล่านี้จะสร้างสีสันทางการเมือง จนทุกคนต้องติดตาม