ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
ยังไม่ชัดเจนถึงอนาคตทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลังจากเสร็จสิ้นจากภารกิจเป็นเจ้าภาพจัดประชุมผู้นำเอเปค ที่ประเทศไทยรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ
เพราะตราบใดที่ยังไม่มีคำยืนยันออกจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะประกาศจุดยืนและทิศทางทางการเมืองว่าจะไปต่อกับพรรคการเมืองใด โมเมนตัมของผู้ที่เกี่ยวข้องในทางการเมือง
จึงยังไม่สามารถเปิดหน้าเลือกจุดยืนทางการเมืองของแต่ละฝ่ายได้ด้วยเหมือนกัน
ที่เกิดขึ้นในขณะนี้จึงเป็นแค่กระแสข่าวที่ระบุว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยได้เปิดใจและพูดคุยถึงทิศทางการเมืองในอนาคต และ พล.อ.ประยุทธ์ได้มาลาเพื่อไปทำงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยจะมีการเปิดแถลงข่าวในช่วงเวลาที่เหมาะสมอีกครั้ง
ขณะเดียวกันยังจะมี ส.ส.ของทั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) รวมถึง 72 คน ย้ายตาม พล.อ.ประยุทธ์ ไปยังพรรคดังกล่าวด้วย พร้อมกับเดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ โดยตั้งเป้า ส.ส.ไว้ที่ 15 คน จากทั้งหมด 58 เขตเลือกตั้ง
เมื่อยังไม่มีความชัดเจนจากปากของผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะเลือกไปต่อในทางการเมืองกับพรรคใด จะด้วยยุทธศาสตร์การเมือง “แยกกันเดินร่วมกันตี” จริงหรือไม่
เวลานี้จึงมีเพียงการวิเคราะห์ถึงผลดี-ผลเสีย ถึงแนวทางการไปต่อในทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะเลือกกลยุทธ์ไหน
ถ้าเลือกยุทธศาสตร์เดินกันคนละพรรค แยกกันสร้างดาวคนละดวง เพื่อหวังแก้เกมและปัญหาภายใน ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ พรรค พปชร. ก็ต้องมาลุ้นกันว่า ยุทธศาสตร์ “แยกกันเดินร่วมกันตี” ภายหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า จำนวน ส.ส. ที่พรรค พปชร. และพรรค รทสช. จะได้ตามเป้าหมาย เพียงพอที่จะมาร่วมกันฟอร์มทีมเป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้อีกครั้งหรือไม่
เพราะจากที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ออกมาในทิศทางเดียวกันว่า แม้ว่าคะแนนนิยมส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีมากกว่า คะแนนนิยมของพรรค พปชร. จากผลสำรวจของนิด้าโพล
และอาจจะไปเพิ่มคะแนนเสียงให้กับพรรค รทสช. หาก พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจไปร่วมงานด้วย แต่จำนวน ส.ส.ที่คาดว่าจะได้รับภายหลังการเลือกตั้ง ยังคงต้องลุ้นให้ผ่านด่านแรกตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 159 กำหนดไว้ว่า พรรคที่จะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ให้ที่ประชุมรัฐสภาร่วมโหวตเลือกนั้น จะต้องได้ 25 เสียงขึ้นไป
พรรค รทสช.ที่ประเมินกันว่าจะมีฐานเสียงสนับสนุนอย่างเข้มแข็งในพื้นที่ภาคใต้ที่มีเค้กให้แต่ละพรรคได้ชิงชัยกันเพียง 58 เขต โอกาสที่จะได้เสียง ส.ส.กลับมาเป็นกอบเป็นกำ ย่อมเป็นเรื่องไม่ง่าย เพราะต้องชิงชัยกับพรรคร่วมรัฐบาลที่มีฐานเสียงทับซ้อนกัน ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรค พปชร. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ประกาศจะปักธง ส.ส.ในพื้นที่ภาคใต้
เทียบไม่ได้กับสัดส่วนของจำนวน ส.ส. ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีถึง 132 ที่นั่ง แต่คะแนนนิยมของพรรค รทสช. ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังอยู่ในสภาพ
ต้องลุ้นเหนื่อย
ยุทธศาสตร์ “แยกกันเดินร่วมกันตี” จะได้ผลหรือไม่ ผลเลือกตั้งจะเป็นคำตอบ
จตุรงค์ ปทุมานนท์
อ่านข่าวอื่น
- ภาพประวัติศาสตร์ ในหลวง พระราชินี ทรงรับผู้นำเอเปค ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
- ผบ.ตร.เสนอปูนบำเหน็จเลื่อนยศ ‘ร.ต.อ.สุทธิรักษ์’ เป็นพล.ต.อ. เหตุคาร์บอมบ์ถล่มแฟลตตำรวจ
- ‘พปชร.’ระสํ่า! ส.ส.โดนเช็กชื่อ เลือกข้าง ‘ตู่-ป้อม’ ‘บิ๊กแป๊ะ’ กลุ่มต่างๆ รอดูความชัดเจน
- เปิดดวงปี’66 “หมอกฤษณ์” ทำนายดวง 12 นักษัตร ปีไหนดวงดีสุด คลิกเลย