สถานีคิดเลขที่12 : บังเอิญ-ตั้งใจ

สถานีคิดเลขที่12 : บังเอิญ-ตั้งใจ

ดูจะเป็นเรื่องจังหวะเวลา จะด้วยความบังเอิญ หรือแฝงไปด้วยความตั้งใจของผู้มีอำนาจ เริ่มจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ประกาศต่อผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ระหว่างเข้าร่วมโครงการสัมมนา “บทบาทท้องถิ่นไทยกับการกระจาย อำนาจเพื่อการไปต่ออย่างยั่งยืน”

ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา สาระสำคัญ คือ รัฐบาลเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอเพิ่มค่าตอบแทนให้กับ ผู้บริหารท้องถิ่นและ อบต. พร้อมกับยืนยันว่า จะไม่มีการยุบการบริหารในส่วนของท้องถิ่น แต่ในทางตรงกันข้ามพร้อมจะผลักดันยกระดับ อบต. ขึ้นเป็นเทศบาลด้วย

Advertisement

การขึ้นค่าตอบแทนของผู้บริหารท้องถิ่นและ อบต. ตามขั้นจะนำระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินค่าตอบแทนผู้บริหาร อบต. และสมาชิก อบต.ทั่วประเทศ

ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ตามปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ซึ่งจำนวนขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทั่วประเทศมี 5,300 แห่ง

มีนายกและสมาชิก อบต.กว่า 4 แสนคน ที่จะได้รับอานิสงส์ขึ้นค่าตอบแทนครั้งนี้

Advertisement

ขณะที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ให้ความเห็นชอบเพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และอาสาสมัครกรุงเทพมหานคร (อสส.) ปรับจากเดือนละ 1,000 บาท เป็น 2,000 บาทต่อคน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ตั้งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 เป็นต้นไปมาดำเนินการ มี อสม. 1,075,163 คน และ อสส. 15,000 คน จะได้รับค่าป่วยการ ที่ปรับเพิ่มขึ้น

หากมองกันแบบชั้นเดียวเชิงเดียว การปรับขึ้นค่าตอบแทนของทั้ง อบต. อสม. และ อสส. รวมทั้งสามกลุ่ม เกือบ 1.5 ล้านคน มีส่วนได้รับประโยชน์ในครั้งนี้

ซึ่งยังไม่นับรวมถึงครอบครัวญาติพี่น้องของคนทั้ง 3 กลุ่มอีกนับล้านคนที่มีผลพลอยได้ไปด้วย

ถ้ายึดตามเหตุผลที่ผู้เกี่ยวข้องชี้แจงว่า เป็นการปรับขึ้นตามความเหมาะสม และไม่ได้มีการปรับค่าตอบแทนดังกล่าวมานานแล้ว พูดอีกก็ถูกอีก

แต่ถ้าจะมองให้เชื่อมโยงกับนัยยะแฝงทางการเมืองก็มองได้เช่นกัน เมื่อจังหวะเวลาของการปรับเพิ่มค่าตอบแทนทั้งสองส่วน มาในช่วงเหมาะเจาะ

พอดิบพอดีกับผู้มีอำนาจใน ครม.จะครบวาระการทำหน้าที่ และกำลังจะสวมหมวกหาเสียงให้กับพรรคต้นสังกัด ในศึกเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นห้วงเดือนพฤษภาคมนี้

ส่วนจะได้-เสีย ต่อผลการเลือกตั้งแค่ไหน ก่อนเข้าคูหากาบัตรคงจะฟันธงล่วงหน้าแบบ 100% ไม่ได้ จะรู้แน่ชัดก็หลังผลการนับคะแนน

นับจากนี้ไปถึงยุบสภา ต่อเนื่องไปถึงการทำหน้าที่รัฐบาลรักษาการ อาจมีการอนุมัติโครงการต่างๆ มาดูแลพี่น้องประชาชน อีกก็เป็นไปได้

เพราะคนอนุมัติ อย่างไรเสียก็ได้แต้มบวกจากผู้รับงบประมาณอยู่แล้ว ส่วนจะแปรเป็นคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แต่ละพรรคได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ นั่นก็อีกเรื่อง

จะบังเอิญ หรือตั้งใจ ประชาชนและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คงตอบคำถามกันในใจได้อยู่แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image