ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
ใครจะคิดว่าผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนชาวกรุงเทพฯจะออกมาว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล สมควรได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกฯมากที่สุด
จากข้อมูลล่าสุดที่นิด้าโพลสำรวจ พบว่า บุคคลที่คนกรุงเทพมหานครจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งนี้ อันดับ 1 ร้อยละ 25.08 คือ นายพิธา
อันดับ 2 ร้อยละ 24.20 คือ อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 18.24 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯอันดับ 1 จากพรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 4 ร้อยละ 5.96 คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย
ขณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน รั้งอันดับ 8 ร้อยละ 2.40
หากย้อนเวลากลับไปสักปีสองปี หากถามว่านายพิธามีโอกาสเช่นนี้หรือไม่ ต้องยอมรับว่ายาก แต่พอมาถึงวันนี้ชื่อของนายพิธาติดอันดับ 1 แสดงว่าหลายปีที่ผ่านมาสังคมรับฟัง
ส่วนคำถามที่ว่าคนกรุงเทพฯจะเลือกให้ ส.ส.แบบแบ่งเขตของพรรคกการเมืองใด พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 34.92 เป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 27.72 เป็นพรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 14.32 เป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 4 ร้อยละ 6.76 เป็นพรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 5 ร้อยละ 3.32 เป็นพรรคชาติพัฒนากล้า
สิ่งที่น่าสนใจคือ พรรคก้าวไกลที่ยืนยันนโยบายตามหมุดหมายเดิม แทนที่จะถูกต่อต้านกลับมีกระแสตอบรับ ถือเป็นพรรคที่น่ากลัวสำหรับคู่แข่ง
พรรคก้าวไกลมี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้ช่วยหาเสียงอย่างเปิดเผย
แทนที่คะแนนนิยมจะตก กลับไม่มีผลกระทบ เช่นเดียวกับการปะทะความคิดระหว่างนายปิยบุตรกับนายพิธา หรือการปะทะวาทะระหว่างนายธนาธรกับ นายทักษิณ ชินวัตร
ทุกอย่างไม่ส่งผลสะเทือนด้านลบ
ถามว่านายธนาธรและนายปิยบุตร มีจุดยืนเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ต้องไปดูแนวคิดนายปิยบุตรกรณีนายกฯทักษิณ ประกาศพร้อมติดคุกขอให้ได้กลับไทยที่มองว่า คดีหลังรัฐประหารควรจะนำมาพิจารณาใหม่
พิจารณาจากผลโพลที่ปรากฏ แล้วมองเห็นความแตกต่างของความเห็นกลุ่มตัวอย่างที่อยู่ในวันเวลาแตกต่างกัน
ผลโพลทำให้เห็นว่า กลุ่มตัวอย่างชาวกรุงมีความคิดเห็นในวันนั้นไม่เหมือนกับวันนี้
ความคิดเห็นเช่นนี้ถือเป็นสัญญาณดี เพราะสังคมได้รับข้อมูล ได้ตรึกตรองจากประสบการณ์ที่สะสม และมีความเห็นออกไป
แต่ความเห็นในวันนี้ก็อาจจะแตกต่างจากความคิดเห็นในวันข้างหน้า โดยเฉพาะความคิดเห็นที่มีผลต่อการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม
ไม่ว่าผลสุดท้ายจะลงเอยเช่นไร ผลโพลที่ปรากฏออกมายืนยันว่า การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ผู้คนให้ความสนใจ
สนใจรับฟังข้อมูลและข่าวสาร และนำข้อมูลข่าวสารดังกล่าวมาชั่งใจ
ณ วันนี้จะเลือกใครและพรรคไหน และวันนั้นจะหย่อนบัตรแล้วกาเช่นไร
ถ้าคนไทยสนใจการเลือกตั้งเช่นนี้ แม้จะรอเวลามาหลายปี แต่ก็ถือว่าคุ้มค่า
เพราะผลที่ออกมาจะเป็นความต้องการของประชาชนที่อยากเห็นประเทศนี้ดำเนินต่อไป
เหตุการณ์ในวันนั้นกับวันนี้แตกต่างกัน ความคิดเห็นของคนก็เช่นกัน
หลายเรื่องที่เคยต่อต้านในวันนั้น เมื่อกาลเวลาช่วยกลั่นกรอง อาจจะเห็นพ้องก็เป็นไปได้
นฤตย์ เสกธีระ
[email protected]