สถานีคิดเลขที่ 12 : เปลี่ยนผ่านที่ยาวนาน

สถานีคิดเลขที่ 12 : เปลี่ยนผ่านที่ยาวนาน

เสียงบ่นว่า การตั้งรัฐบาลบ้านเรา ทำไมใช้เวลายาวนานขนาดนี้

เลือกตั้งเสร็จแล้ว เห็นผลชัดเจนแล้วว่า ใครแพ้ใครชนะ

พรรคชนะเลือกตั้ง คือ ฝ่ายค้านเดิม ส่วนพรรครัฐบาลแพ้เลือกตั้ง

Advertisement

ตามประเพณีการเมือง พรรคที่ชนะเลือกตั้ง ได้คะแนนเสียงข้างมาก จะต้องจัดตั้งรัฐบาล

และควรจะรีบๆ ให้มีรัฐบาลโดยเร็วด้วย เพราะปัญหาของประเทศมีมากมาย รอรัฐบาลจะใหม่หรือเก่าก็ตาม เข้ามาจัดการ

แต่อย่างที่ทราบ ขั้นตอนกระบวนการของบ้านเรา มีความหยุมหยิมของขั้นตอนต่างๆ และน่าคิดว่า มากเกินไปหรือไม่ตามไทม์ไลน์ ถ้าเดินตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูก จะได้นายกฯใหม่ประมาณกลางๆ สิงหาฯ

Advertisement

ถ้าเกิดปัญหา อาจยืดยาวไปมากกว่านั้น

นับจากวันนี้ ต้นเดือน มิ.ย. ก็อีกประมาณ 2 เดือนกว่า

รัฐบาลปัจจุบัน จะต้องรักษาการกันจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีก

ที่น่าจะเมื่อยมากกว่านั้น ก็ขนาดที่มือกฎหมายของรัฐบาล ต้องออกมาอธิบายว่า ถ้าจะเอาจริงๆ ก็รักษาการกันไปได้ถึง 11 พ.ค.2567 โน่นยังได้ พอดีกับที่ ส.ว.ชุดปัจจุบันหมดวาระ 5 ปีพอดี

ก็เป็นเรื่องดีว่า ถึงเวลานั้น ถ้าจะโหวตเลือกนายกฯ จะไม่มี 250 ส.ว.เข้ามาเกี่ยวข้อง ให้เป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนฯ 500 คนล้วนๆ

แต่น่าห่วงว่า ถ้าลากยาวไปถึงปีหน้า กิจการบ้านเมืองจะเสียหายมากขึ้นเรื่อยๆ

ประเทศที่ว่างเว้นรัฐบาลตัวจริง ต่อให้รัฐบาลรักษาการเก่งขนาดไหน ก็หลีกเลี่ยงความเสียหายได้ยาก

ต้องยอมรับว่า เลือกตั้ง 14 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นโอกาสของการเปลี่ยนผ่านในบ้านเมืองเรา

ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ที่ประชาชนพร้อมใจกันลุกขึ้นมาแสดงออกผ่านบัตรเลือกตั้ง

ปัจจัยที่ยืนยันการเปลี่ยนแปลง มีทั้งผลเลือกตั้ง ส.ส.เก่า, ส.ส.ตัวเต็งสอบตกกันเป็นแถวๆ ด้วยคะแนนต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ

ผู้สมัครหน้าใหม่แจ้งเกิดเป็นทิวแถว

ผลเลือกตั้งของพรรคการเมืองก็ถือว่าพลิกโผ ประชาชนเลือกพรรครัฐบาลเดิมเข้ามาน้อยมาก

ระหว่างที่รอรัฐบาลใหม่ และรอสภา ชุดใหม่เข้ามาทำงาน พอจะคาดหมายได้ว่า ยังมีความเปลี่ยนแปลงอื่นๆ รออยู่อีกมาก

เรื่องแรกๆ คือ กฎกติกาของประเทศ ที่ต้องมีการแก้ไข หรือยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ให้เป็นมาตรฐานสากล

ผู้ยกร่างต้องมาจากประชาชน ด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ไม่ใช่แต่งตั้งกันมา และนั่งสภาแต่งตั้งกันจนหนวดหงอก

เรื่องที่จะตามมา มีอีกหลายเรื่อง รวมถึงการที่ รัฐบาลจะต้องเป็นตัวหลัก ในการสร้างความเป็นธรรม ความยุติธรรมขึ้นในสังคม

โจทย์สำคัญคือ การหาทางมิให้เกิดรัฐประหารขึ้นอีก

ต้นตอจริงๆ ของรัฐประหารอยู่ตรงไหน มีการดีเบตกันไปมากแล้วในการเลือกตั้งที่ผ่านมา

ถึงเวลาจะต้องลงมือทำงานกันอย่างเอาจริงเอาจัง แม้จะต้องฝ่าด่านอุปสรรคกันอีกมาก

แรงปะทะ แรงต้านนั้นมีแน่ แต่จะอ่อนเปลี้ยหรือกลับแข็งแรงขึ้นมาใหม่

ขึ้นอยู่กับความเอาจริงเอาจังของพลังที่ประชาชนอุตส่าห์เลือกเข้ามา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image