สถานีคิดเลขที่12 : เดิมพันของเพื่อไทย

สถานีคิดเลขที่12 : เดิมพันของเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทยกำลังเดินหน้ารวบรวมเสียงสนับสนุนเพื่อให้ได้เสียงโหวตนายกฯเกิน 375 และตั้งรัฐบาลเป็นเสียงข้างมากของสภาผู้แทนฯ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรงจากประชาชนที่รับไม่ได้กับการผลักพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน แต่อีกด้านก็มีเสียงเรียกร้องให้เร่งตั้งรัฐบาลเพื่อเข้ามาบริหารประเทศ แก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชนให้เร็วที่สุด

การจัดตั้งรัฐบาลของเพื่อไทย เปิดฉากด้วยสูตรรวมกับ 71 ส.ส.ของภูมิใจไทย ได้ 212 เสียง ส่งผลให้ขั้วรัฐบาลเดิม 188 เสียง หดหายไปทันที เหลือเพียง 117 เสียง เมื่อเอาไปรวมกับ 250 ส.ว. ก็ไปไม่ถึง 375 เท่ากับเป็นการปิดทางตั้งนายกฯฝ่ายลุงได้ในทันที

กุมความได้เปรียบในการตั้งนายกฯ และส่งสัญญาณไปถึงบรรดา ส.ว. ว่าควรเลิกหวังรัฐบาลที่มีลุงเป็นนายกฯได้แล้ว

Advertisement

จากเพื่อไทยบวกภูมิใจไทย 212 เสียง จากนั้นมีพรรคอื่นๆ ทยอยเข้ามาเติมเสียงเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ คาดว่ามีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนฯ น่าจะไปถึง 270 ขึ้น

ขั้นต่อไป คือการหาคะแนนจาก ส.ส.และ ส.ว.เข้ามาเพิ่ม สำหรับโหวตแต่งตั้งนายกฯ

ด้านหนึ่งการร่วมมือกับเพื่อไทยมีทิศทางบวกมากขึ้น เพราะเงื่อนไขจากหลายๆ พรรคและจาก ส.ว. กรณีพรรคก้าวไกล ได้ผ่านพ้นไปแล้ว โดยก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านแล้ว

Advertisement

แต่อีกด้าน ยังมีความเคลื่อนไหวจากเครือข่ายอำนาจเก่า เปิดฉากโจมตีเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทย เพราะเศรษฐาคือหนึ่งในแกนนำที่ไม่ยอมให้บางพรรคเข้ามาร่วม

จึงต้องถล่มตรงไปยังเศรษฐา เพื่อบีบให้ยอมลดท่าที ยอมเปิดรับพรรคการเมืองบางพรรค

เหล่านี้คือมรสุมที่ยังกระหน่ำใส่เพื่อไทย หวังไม่ให้จัดรัฐบาลได้ง่ายดาย

ขณะที่การดึงเสียง ส.ส.เข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพื่อไทยยังดำเนินต่อไป โดยเริ่มเปิดช่องทาง อาจไม่รับบางพรรค แต่ ส.ส.อาจจะมาเป็นกลุ่มก้อนหรือมาเป็นรายบุคคล ก็เป็นไปได้

ประเด็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. จะเป็นอีกช่องทางในการเพิ่มเสียงสนับสนุนโหวตให้นายกฯเพื่อไทย

ดังเช่น พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีการเล่นเกมภายใน จนไม่สามารถตั้งหัวหน้าพรรคได้ กลายเป็นพรรคไม่สมบูรณ์แบบ หวังให้ร่วมรัฐบาลได้ยาก แต่ก็ทำให้เกิดกลุ่ม ส.ส. ในรูปแบบ “กลุ่มเพื่อนต่อ” อันหมายถึงทีมของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค โชว์ตัว ส.ส. 21เสียง เห็นๆ กันไปเลย

หรือกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติ ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศวางมือ ก็ทำให้ขุนพลข้างกายบางคนเช่น นายสุชาติ ชมกลิ่น แสดงท่าที ขอใช้เอกสิทธิ์ส่วนบุคคลในการโหวตนายกฯคนใหม่ เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ โดยรู้กันดีว่า ส.ส.ในกลุ่มนี้ มี 8 จนถึง 12 เสียง

ในท่ามกลางกระแสสังคม ที่ไม่พึงพอใจพรรคเพื่อไทยอย่างหนัก กรณีสลัดมือกับก้าวไกล ทำให้เกิดกระแสตำหนิติติงเพื่อไทยอย่างร้อนระอุ

ขณะที่พรรคเพื่อไทยก็จำเป็นต้องเร่งตั้งนายกฯและรัฐบาลให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาประเทศ โดยต้องเดินเกมสารพัด ท่ามกลางแรงบีบ แรงกดดันและแรงต่อต้าน

มาถึงขนาดนี้แล้วเชื่อว่าเพื่อไทยไม่ย้อนกลับไปสูตรไหน เดินหน้าสูตรใหม่อย่างเดียว ตามเป้าหมายที่ประกาศไว้เข้าไปแก้รัฐธรรมนูญ เร่งโชว์ฝีมือด้านเศรษฐกิจ เพื่อกู้คะแนนนิยมคืนมา

เดิมพันนี้มี 2 ทาง อาจฟื้นศรัทธากลับมาได้ หรือไม่ก็ตกต่ำกันไปเลย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image