สถานีคิดเลขที่ 12 : เปิดประเทศ

ถือว่าภารกิจของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี บนเวทีโลกประสบความสำเร็จ

การขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมยูเอ็นแม้จะแลดูเหมือนกับวาระประจำปี

แต่นายเศรษฐาและทีมงานสามารถผลักดันให้เกิดความรู้สึกแปลกใหม่

นั่นคือดึงให้ประเทศไทยกลับมาคึกคัก ชวนให้บิ๊กธุรกิจสนใจ

Advertisement

ครั้งนี้จึงถือว่าภารกิจของนายเศรษฐาประสบผล

หนึ่ง นายเศรษฐา ต้องการไปบอกให้โลกรู้ว่า ไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

สอง นายเศรษฐา ต้องการไปบอกว่า ประเทศไทยภายใต้รัฐบาลเลือกตั้งมีความพร้อมเปิดประเทศรับการลงทุน

Advertisement

ถือเป็นการคิกออฟประเทศไทยบนเวทีโลกได้ดี

นอกจากโปรแกรมการไปยูเอ็นแล้ว ยังมีโปรแกรมการเยือนประเทศจีน และโปรแกรมการประชุมระดับโลก และระดับภูมิภาคอื่นๆ

การคิกออฟประเทศไทยครั้งนี้สอดคล้องกับการคิกออฟการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและแก้ปัญหาปากท้องประชาชนชาวไทย

เพราะต่างประเทศเป็นแหล่งรายได้ การดึงรายได้เข้าประเทศทำให้ประเทศเจริญ

ความเจริญทางเศรษฐกิจมีผลต่อการชำระภาษี และภาษีก็จะวกกลับมาชดเชยค่าใช้จ่ายของรัฐบาล

นอกจากนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยยังตั้งคณะกรรมการซอฟต์เพาเวอร์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการฯ ซึ่งจะเป็นประธานบอร์ดบริหารเริ่มหารือก่อนจะประชุมกับนายกฯ ซึ่งเป็นประธานชุดใหญ่

เพื่อปลุกซอฟต์เพาเวอร์ให้เป็นแหล่งรายได้ของครัวเรือน ซึ่งเป็นเรื่องน่าติดตาม

แต่ขณะที่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเริ่มเห็นรูปร่าง

นายเศรษฐาประกาศให้โลกรู้ว่า ไทยยินดีเปิดประเทศรับการลงทุน

การปรับเปลี่ยนภายในเพื่อให้รับกับความเจริญก็ต้องกระทำเร่งด่วน

เริ่มต้นจากระบบกฎหมาย อาทิ กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน หรือกระบวนการต่างๆ ที่เป็นอุปสรรค

ดังนั้น ข้อเสนอให้กิโยตินกฎหมายจึงน่าสนใจ

เรื่องนี้ได้ฟังจากทั้งหอการค้าไทยและสภาอุตสาหกรรมอยู่บ่อยๆ

ยังมีเรื่องสิทธิเสรีภาพที่ 9 ปีไทยถูกมองว่ามีน้อย เนื่องจากอยู่ภายใต้การยึดอำนาจ

ต่อไปการปรับปรุงกฎหมายก็ควรจะเป็นเรื่องใหญ่

ยกตัวอย่างกรณี พรรณิการ์ วานิช ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดไป เช่นเดียวกับ ปารีณา ไกรคุปต์ กนกวรรณ วิลาวัลย์ ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ที่ต้องคำพิพากษาแบบเดียวกันนั้น

คำถามที่กระหึ่มคือ กฎหมายมีบทลงโทษรุนแรงไปไหม

ยังมีกฎหมายอื่นๆ อีกที่ถูกตั้งคำถาม และน่าจะเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของประเทศ

โดยเฉพาะประเทศไทยที่ต้องการเปิดรับนานาชาติมาลงทุน

เรื่องเช่นนี้นายเศรษฐาทำคนเดียวคงไม่ไหว คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานต่างๆ ต้องร่วมมือ

ร่วมมือผลักดันให้บรรลุเป้าหมายเดียว นั่นคือ ผลักดันให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง

ทุกกระทรวงต้องขยับ เพราะมีการบ้านที่ต้องทำอีกมาก

กระทรวงฝ่ายเศรษฐกิจ กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงด้านสังคม รวมถึงกระทรวงเกี่ยวกับความมั่นคง

ทุกกระทรวงถึงเวลาต้องปรับตัวให้สอดคล้อง

ตอนนี้จะว่าไป แลเห็นแต่แอ๊กชั่นของนายกรัฐมนตรี

หวังว่าต่อไปจะได้เห็นแอ๊กชั่นของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงที่ขยับขับเคลื่อนเพื่อนำไปสู่เป้าหมายเดียวกัน

นั่นคือผลักดันให้ไทยเจริญรุ่งเรือง มีความสามารถในการแข่งขันกับนานาอารยประเทศได้

นฤตย์ เสกธีระ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image