เดินหน้าชน : โอกาสปรองดอง

เดินหน้าชน : โอกาสปรองดอง

ประเทศไทยผ่านวิกฤตมาแล้วหลายครั้ง และทุกครั้งก็ผ่านไปได้ เพราะความร่วมมือร่วมใจกันของคนไทย
ซึ่งวิกฤตที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งก็จะมักจะเห็นสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับประเทศไทยและคนไทย

การแพร่ระบาดของ “โควิด-19” เป็นวิกฤตใหญ่อีกครั้งของประเทศไทย

ลำพังรัฐบาล ถึงจะเก่งกาจแค่ไหนก็คงไม่สามารถแก้วิกฤตได้ มีแต่คนไทยทั้งประเทศเท่านั้นที่จะต้องร่วมมือกันเพื่อฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

วิกฤต “โควิด-19” ครั้งนี้ ก็เห็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยและคนไทยอีกเช่นกัน

Advertisement

เห็นการแสดงความเป็นห่วงเป็นใย ให้คำแนะนำและตักเตือนด้วยความหวังดี

มีการแจ้งข้อมูลซึ่งกันและกัน เพื่อรู้เท่าทันและให้ระมัดระวัง

เห็นการช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน รวมทั้งมีการบริจาคเงินและสิ่งของ

Advertisement

นอกจากนี้ ยังมีการโรงทาน ทำอาหารแจกประชาชน หรือให้ใช้สถานที่ฟรีเพื่อดูแลผู้ป่วย

ซึ่งการแสดงน้ำใจ ร่วมมือร่วมใจและช่วยเหลือกันครั้งนี้ เพราะรู้ว่า วิกฤตนี้สาหัสนัก จะฝ่าวิกฤตโดยลำพังไม่ได้

แต่ในสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น ก็ยังมีคนที่เห็นแก่ตัว ฉวยโอกาสหาผลประโยชน์บนความเดือดร้อน และความเป็นความตายของประชาชน ซึ่งบุคคลพวกนี้ รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ต้องจัดการให้เด็ดขาด

นอกจากนี้ ยังมีการนำวิกฤตที่เกิดขึ้นมาเป็นเกมการเมือง ทั้งที่ในช่วงวิกฤตนี้ ควรหยุดปัญหาความขัดแย้งเอาไว้ก่อน แล้วหันมาร่วมมือกันฝ่าวิกฤต

นักการเมืองควรเสนอแนะการแก้ปัญหา ส่วนไหนไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ไม่ทันสถานการณ์ ก็ควรชี้แจงด้วยเหตุด้วยผล ไม่ควรตำหนิถึงความผิดพลาดล้มเหลว

ฝ่ายรัฐบาลก็ควรรับฟัง เพราะทุกข้อเสนอมีค่า แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือในการช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ควรใช้คารมหรือสร้างวาทกรรมกล่าวหาอีกฝ่าย

ในช่วงที่เกิด “วิกฤตผู้นำ” ฝ่ายรัฐบาลยิ่งต้องรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ เลิกมองว่า เป็นศัตรูหรือฝ่ายตรงกันข้าม

ควรใช้วิกฤตนี้เป็นโอกาสในการสร้างความปรองดองของคนในชาติ

หลายคนมองว่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลและผู้มีอำนาจควรเชิญฝ่ายค้านมาร่วมระดมสมองในการฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน

อย่ากลัวเสียหน้าหรือเสียคะแนนนิยม

ส่วนฝ่ายค้านก็ต้องไม่เล่นแง่ หรือตั้งเงื่อนไขใดๆ ต้องพร้อมรับคำเชิญเพื่อเข้ามาร่วมกันแก้วิกฤตให้คนไทยและประเทศชาติ

พร้อมดึงคนที่มีความรู้ความสามารถ มีความเชี่ยวชาญเข้ามาช่วยกัน จะเป็นกรรมการ คณะทำงาน หรือเป็นที่ปรึกษาก็ได้

จะปรับ ครม.เล็กๆ เพื่อสร้างภาพลักษณ์รัฐบาลใหม่ก่อนก็ได้ โดยเอาคนที่มีปัญหา และภาพลักษณ์ไม่ดีออกไป

เมื่อพ้นวิกฤต “โควิด-19” ก็ควรปรับ ครม.ใหญ่ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และวิกฤตความขัดแย้งอื่นๆ

คัดสรรคนที่มีความรู้ความสามารถจริงๆ จะเป็น ส.ส.หรือไม่เป็น ส.ส.หรือใครก็ได้เข้ามาเป็นคณะรัฐมนตรี โดยตัดทิ้งเรื่องโควต้า ไม่มีค่ายพรรค ไม่มีฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้อง

คล้ายๆ เป็นรัฐบาลแห่งชาติ

นอกจากจะช่วยกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ต้องจับมือกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้เป็นฉบับของประชาชนที่แท้จริง รวมทั้งแก้ไขกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งด้วย

เมื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่มีผลบังคับใช้ และวิกฤตต่างๆ คลี่คลาย ก็ถึงเวลายุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่

เป็นการเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง

ทรงพร ศรีสุวรรณ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image