เดินหน้าชน : วัคซีนด่านหน้า

เดินหน้าชน : วัคซีนด่านหน้า

เดินหน้าชน : วัคซีนด่านหน้า

เป็นประเด็นดราม่ากันได้ทุกเรื่อง สำหรับการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ที่สถานการณ์แพร่ระบาดล่วงเลยมาถึงในระลอกที่ 4

ที่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ และผู้เสียชีวิตรายใหม่ ทำสถิตินิวไฮกันได้เกือบทุกวัน อีกทั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังไม่รู้ว่าจะหยุดลงได้เมื่อใด

คำตอบเดียวในเวลานี้ นั่นคือ การระดมฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างทั่วถึง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ คือ ต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 70% ของประชากรในประเทศ

Advertisement

แต่ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นล่าสุด คือ กรณีการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาบริจาคมาให้รัฐบาลไทย จำนวน 1,503,450 โดส เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ที่มีเป้าหมายการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ตามแผนของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข คือ เร่งฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่ 3 ให้กับบุคลากรการแพทย์ด่านหน้า

ประมาณ 7 แสนราย ให้ครบก่อน โดยกระทรวงสาธารณสุข กำหนดเกณฑ์การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ไว้ คือ ประเภทที่ 1 บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้าทุกคนที่ต้องสัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 จากการปฏิบัติงานทั่วประเทศ รวมทั้งนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ที่ต้องสัมผัสผู้ป่วยโควิดจากการปฏิบัติงาน เช่น แผนกผู้ป่วยนอก แผนกผู้ป่วยใน คลินิกทางเดินหายใจ ห้องฉุกเฉิน แผนกผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลสนาม เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในสถานที่กักกัน หรือปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับภารกิจการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 อื่นๆ ตามการพิจารณาของสถานพยาบาล/หน่วยงานต้นสังกัด โดยมีหลักการให้วัคซีน ดังนี้

Advertisement

1.1 บุคลากรที่ได้รับวัคซีน Sinovac หรือ Sinopharm ครบ 2 เข็ม อย่างน้อย 1 เดือน พิจารณาให้ วัคซีนไฟเซอร์ กระตุ้น 1 เข็ม
1.2 บุคลากรที่ได้รับวัคซีนใดๆ มาแล้วเพียง 1 เข็ม พิจารณาให้วัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 2 โดยกำหนดระยะห่างระหว่างโดส ตามชนิดของวัคซีนเข็มที่ 1 เป็นหลัก
1.3 บุคลากรที่เคยติดเชื้อโควิด-19 และไม่เคยได้รับวัคซีน พิจารณาให้วัคซีนไฟเซอร์ 1 เข็ม โดยมีระยะห่างจากวันที่พบการติดเชื้ออย่างน้อย 1 เดือน

ประเภทที่ 2 บุคลากรที่ไม่เคยได้วัคซีนใดๆ มาก่อน พิจารณาให้วัคซีน Pfizer 2 เข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์

แม้หลักเกณฑ์และแผนการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับบุคลากรด่านหน้าจะชัดเจนจากฝ่ายนโยบาย แต่การจัดสรรวัคซีนให้โรงพยาบาลในจังหวัดต่างๆ

ที่เสนอรายชื่อและจำนวนบุคลากรการแพทย์ด่านหน้าขึ้นมา เพื่อขอรับวัคซีนกลับมามีปัญหาอีกจนได้

จนบุคลากรการแพทย์ด่านหน้าที่เฝ้ารอการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ยังต้องลุ้นกันอีกรอบว่าจะได้ฉีดวัคซีนดังกล่าวครบตามจำนวนเมื่อใด

โรงพยาบาลบางแห่งที่เกรงว่าจะได้รับจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ ไม่ครบตามจำนวนที่ขอไป จึงต้องใช้กลยุทธ์ “การบริหารด้วยการด่า”

ด้วยการโพสต์เฟซบุ๊กฟ้องสังคมให้ช่วยกันเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดสรรวัคซีนให้บุคลากรการแพทย์ด่านหน้าให้ครบถ้วนด้วย

อย่างเพจเฟซบุ๊กของโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ที่โพสต์ข้อความ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ระบุว่า “วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม สำหรับเรื่องวัคซีน Pfizer สำหรับฉีดเป็นบูสเตอร์ให้กับบุคลากรด่านหน้าของเรา ที่เราเพิ่งจะรำพึงรำพันเรื่องการได้รับวัคซีนมาเพียง 60% ของบุคลากรที่แสดงความจำนงและมีคุณสมบัติครบถ้วนไปเมื่อวานนี้

วันนี้เราได้รับข่าวดีที่จะช่วยแก้ปัญหาข้อถกเถียงในโรงพยาบาล เรื่องการจัด priority ของบุคลากรที่จะได้ฉีดก่อนหลังแล้ว

โดยกรมควบคุมโรคได้จัดส่งวัคซีนสำหรับบุคลากรส่วนที่ยังจัดให้ขาดอยู่อีก 40% จำนวน 835 คน ให้เราเรียบร้อยแล้วในบ่ายวันนี้

ขอขอบคุณกรมควบคุมโรคที่เห็นความสำคัญในการดูแลขวัญกำลังใจของคนที่รบอยู่แนวหน้าใน รพ.ต่างๆ ทั่วประเทศด้วย”

เช่นเดียวกับเพจเฟซบุ๊ก Emergency Department Pattani Hospital ที่โพสต์สะท้อนความรู้สึกต่อการได้รับจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ว่า “หมดกำลังใจทำงานมากๆ น้ำตาแทบร่วง เมื่อรู้ว่าต้องมาจับฉลากและต้องมี 6 คนใน ER ที่ไม่ได้ฉีด Pfizer #ทำไมทำกับเราแบบนี้”

แน่นอนยังมีบุคลากรการแพทย์ด่านหน้าอีกหลายโรงพยาบาลในต่างจังหวัดที่อยากสะท้อนเรื่องการจัดสรรวัคซีนเพื่อฉีดกระตุ้นภูมิให้กับพวกเขา

แม้ ศบค.จะออกมาชี้แจงว่า จะทยอยจัดส่งวัคซีนให้กับบุคลากรการแพทย์ด่านหน้าให้ครบถ้วนตามคำร้องขอแน่นอน เพราะมีเงื่อนไขทั้งการจัดส่งและจัดเก็บวัคซีนไฟเซอร์

ในการส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆ แน่นอนการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิเข็มที่ 3 ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับบุคลากรการแพทย์ด่านหน้า

ให้มีกำลังกาย กำลังใจ ในการต่อสู้กับวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่รู้ว่าจะจบภารกิจกันเมื่อใด

รื่องที่ไม่ควรทำให้เป็นเรื่อง บรรดาผู้มีอำนาจและผู้กำหนดนโยบายที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็โปรดอย่าทำให้เกิดเรื่องขึ้นมาอีกเลย

ถ้าต้องการดูแลบุคลากรการแพทย์ด่านหน้าจริงๆ ขอเพียงให้ท่านๆ ทั้งหลายทำให้ได้ตามคำที่พูดไว้ก็พอ

จตุรงค์ ปทุมานนท์

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image