คอลัมน์เดินหน้าชน : ทาง2แพร่ง‘บิ๊กตู่’

คอลัมน์เดินหน้าชน : ทาง2แพร่ง‘บิ๊กตู่’

คอลัมน์เดินหน้าชน : ทาง2แพร่ง‘บิ๊กตู่’

กระแสรับน้องใหม่ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวจาก สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. คนพรรคเดียวกันคงไม่เกิดขึ้น หากชื่อของ “พีระพันธุ์” ไม่ก้าวกระโดดเป็นหนึ่งในแคนดิเดต
นายกรัฐมนตรีของพรรค ในกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เกิดอุบัติเหตุการเมืองหรือสะดุดขาตัวเองไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม

“สิระ” ทิ่มเข้ากลางอก “พีระพันธุ์” ที่บอกว่า เคยอยู่พรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดในประเทศ หากท่านเหมาะสมเชื่อว่าก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ก็คงเสนอชื่อไปตั้งแต่รอบที่แล้ว

พร้อมเปรียบเปรยว่า เพิ่งเข้ามาใหม่ เปรียบเสมือนพระบวชใหม่ เวลานั่งก็ต้องตามพรรษาถึงจะถูกต้อง ตนเคยเล่นหมากรุก เวลาจะออกตัวเดินเบี้ยเดินขุน ตนก็ต้องดูตาม้าตาเรือด้วย เชื่อว่านายพีระพันธุ์คงรู้จักหมากรุกดีพอ

Advertisement

เป็นคำพูดที่ไม่ต้องแปลความหมาย แต่ซัดกันแบบตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม

การยกปมหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค กลับสะท้อนไปยังตัวตน “พล.อ.ประยุทธ์” ที่กำลังอยู่ในฐานะสั่นไหว เพราะยืนอยู่ในพรรคที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้า ซึ่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยง พปชร.มาจนทุกวันนี้

ยิ่งผลโพลล่าสุดที่ประชาชนอยากให้ “บิ๊กตู่” ยุบสภาโดยเร็ว ย่อมสะท้อนความเป็นจริงในผลงานกว่า 7 ปีที่ผ่านมา

Advertisement

ณ วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่บน “ทางสองแพร่ง”

ทางที่หนึ่ง ยอมถอยเพื่อลดการเผชิญหน้ากับทีมบิ๊กป้อม หลังจากที่เคยหักหน้าปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากเก้าอี้รัฐมนตรี โดยการยกเก้าอี้ให้ พล.อ.ประวิตรนั่งรองนายกฯควบ รมว.มหาดไทย แถมพ่วงกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมเยียวยานำ 2 คนรู้ใจของบิ๊กป้อมกลับเข้ามานั่งใน ครม.

ซึ่งทางเลือกนี้ พล.อ.ประยุทธ์สามารถอยู่ต่อยาวๆ ไปจนครบวาระ แต่อยู่ในสภาพเป็นเบี้ยล่างเพราะเกมหักดิบที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส อ่านแล้วว่าถ้าไม่ใช้ไม้แข็ง โอกาสที่จะเติบโตก็ยากเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ให้ราคา ซึ่งการเป็นนักการเมืองระดับเลขาธิการพรรคแกนนำรัฐบาล ไม่มีราคาก็ไม่มีความหมาย ดังนั้น ร.อ.ธรรมนัสต้องจัดหนักและพร้อมแตกหักอย่างที่เห็น

ทางที่สอง คือ การยอมหักไม่ยอมงอ เดินหน้ารัฐบาลต่อไปเช่นนี้ ไม่มีการปรับ ครม. พร้อมเดินหน้าทำงานการเมืองโดยรวบรวม ส.ส.ตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาสนับสนุนตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยให้ได้ ซึ่งหลังจากนี้ต้องเดินสายเอาใจกลุ่มการเมืองต่างๆ ทั้งกลุ่มของ อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกลุ่มสุโขทัยของ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม 2 แกนนำกลุ่มสามมิตร ประสานนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และชิงพื้นที่ภาคใต้ดึง ส.ส.ทั้งหมด 13 คน เข้ามาอยู่ในมือ เพื่อเช็กจำนวน ส.ส.ที่พร้อมร่วมหัวจมท้าย

ภาพการลงพื้นที่ถี่ยิบของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร คือสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ สอดคล้องกับบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลก็เริ่มสรรหาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กันอย่างคึกคัก

สอดรับที่นายกฯได้นำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯแล้วเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา และทุกพรรคกำลังผลักดันออกกฎหมายลูก 2 ฉบับให้รองรับการเลือกตั้งด้วยบัตร 2 ใบ ซึ่งพรรคที่มี ส.ส.เขตจำนวนมากจะได้เปรียบ ดังนั้นแต่ละพรรคต้องกวาดต้อน ส.ส.เข้าสังกัดอย่างเร่งรีบ

ภาพการเมืองในเดือน พ.ย.ที่จะเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะชี้วัดทิศทางของรัฐบาล

เกมในสภา “ทีมบิ๊กป้อม” ถือไพ่เหนือกว่า เพราะคุมเสียง ส.ส.ของพรรค หาก ร.อ.ธรรมนัสต้องการเดินเกมเร็ว เพื่อกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุบสภา เราอาจเห็น ส.ส.ซีกรัฐบาลพร้อมใจกันคว่ำกฎหมายที่รัฐบาลเสนอ ซึ่งฝ่ายค้านพร้อมร่วมสังฆกรรมด้วยอยู่แล้ว

หรือปล่อยให้สภาล่มบ่อยๆ องค์ประชุมไม่ครบถี่ๆ แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของรัฐบาลในการคุมเสียงในสภา

เมื่อนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการยุบสภา จึงอยู่ที“บิ๊กตู่” จะตัดสินใจเลือกอนาคตของตัวเองอย่างไร

โกนจา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image