4 ปี ไปต่อหรือพอแค่นี้

4 ปี ไปต่อหรือพอแค่นี้

เสร็จสิ้นไปเรียบร้อย กับศึกเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (นายก อบต.) และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (สมาชิก อบต.) ทั้ง 5,300 แห่ง ในรอบ 8 ปี

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จากผู้สมัครรับเลือกตั้งทั่วประเทศ 76 จังหวัด รวม 136,250 คน แบ่งเป็น ผู้สมัครนายก อบต. 12,309 คน ผู้สมัครสมาชิก อบต. 123,941 คน

โดยมีผู้ชนะที่ได้รับเสียงส่วนใหญ่จากประชาชน ให้เข้าไปทำหน้าที่ นายก อบต. 5,300 คน และสมาชิก อบต. 61,941 คน ย่อมดีใจในความสำเร็จกันถ้วนหน้า

Advertisement

ในหลายพื้นที่ทั้งตำแหน่งนายก อบต. และสมาชิก อบต. ชาวบ้านเทคะแนนให้กับผู้สมัครหน้าใหม่ เข้ามาทำหน้าที่ เพื่อหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในการพัฒนาพื้นที่

ขณะที่บางพื้นที่ นายก อบต. และสมาชิก อบต.คนเก่า ยังครองใจพี่น้องประชาชน รักษาเก้าอี้ได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งอีกสมัย ซึ่งมีหลายเหตุและปัจจัยในการตัดสินใจเลือกตั้ง

นายก อบต.และสมาชิก อบต. ของพี่น้องประชาชน ผู้สมัครบางคน อาจชนะมาด้วยผลงานที่จับต้องได้ ทำให้ประชาชนยังเชื่่อมั่นเลือกเข้ามาทำหน้าที่่ต่อ

Advertisement

ส่วนผู้สมัครบางคนก็อาจจะชนะมาด้วยการเมือง แบบที่หลายๆ คนเข้าใจกันดีว่า เป็นการเมืองแบบไทยๆ

ขณะที่ผู้สมัครบางคนในกรณีที่คะแนนเท่ากัน ก็ได้เข้ามาทำหน้าที่ ด้วยการจับสลาก “วัดดวง” ตัดสินผลแพ้-ชนะ

แน่นอนผู้ชนะสมหวังกับการเลือกตั้ง นอกจากจะยินดีปรีดากันถ้วนหน้าแล้ว จากนี้ต้องพิสูจน์ผลงานการทำหน้าที่ของตัวเอง

ทั้งในตำแหน่ง นายก อบต. และสมาชิก อบต. ให้กับพี่น้องประชาชนได้เห็นและจับต้องได้ ในวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี

ส่วนผู้แพ้ แม้จะผิดหวัง หากยังมุ่งมั่นในสนามท้องถิ่นต่อ ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ประชาชนเห็น ในการสู้ศึกเลือกตั้งสมัยหน้า

เช่นเดียวกับ คณะก้าวหน้า ที่มี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจเป็นหัวเรือใหญ่ ในฐานะประธานคณะก้าวหน้า ที่คว้าเก้าอี้นายก อบต. มาได้ 38 ที่นั่ง จากที่ส่งผู้สมัครทั้งหมด 196 แห่งทั่วประเทศ

โดย “ธนาธร” ระบุถึงผลการเลือกตั้งในนามของคณะก้าวหน้าในครั้งนี้ว่า “เรารู้สึกดีใจ พอใจและภูมิใจกับผลงานในการเลือกตั้งครั้งนี้มาก”

แต่ประเด็นที่ “ธนาธร” ระบุไว้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการทำงานการเมือง ที่นักการเมืองไม่ว่าจะสนามเลือกตั้งท้องถิ่น และสนามเลือกตั้งในระดับชาติ จะต้องฟังให้ได้ยิน

โดย “ธนาธร” ระบุว่า “ก้าวต่อไปเราจะทำนโยบายให้เกิดขึ้นจริงในทุกระดับ ในระดับ อบต. เราจะเริ่มทำงานทันที เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับชาติแยกกันไม่ออก ประชาธิปไตยในระดับชาติจะเข้มแข็งได้ ประชาธิปไตยในระดับท้องถิ่นต้องเข้มแข็ง การที่เราลงมาทำงานการเมืองท้องถิ่น จะทำให้พี่น้องประชาชนจับต้องประชาธิปไตยได้ว่าประชาธิปไตยกินได้จริง ทำให้ประชาชนตระหนักว่าทุกการเลือกตั้ง ทุกการลงคะแนนสามารถสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้จริงๆ”

จากนี้ทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ จะต้องพิสูจน์ตัวเองในบทบาท ตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่าย และอีก 4 ปี ข้างหน้าก็กลับมาลงแข่งขันในสนามเลือกตั้งตามกติกา

ให้พี่น้องประชาชนได้ ตัดสินว่าจะเลือกให้ “ใคร” ได้ทำหน้าที่ต่อ หรือพอแค่นี้ ตามกลไกของระบอบประชาธิปไตย

จตุรงค์ ปทุมานนท์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image