เดินหน้าชน : อนาคตปชป.

เดินหน้าชน : อนาคตปชป.

สถานการณ์ในพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตอนนี้ น่าจับตาดูเป็นอย่างยิ่ง

อนาคตจะสามารถกอบกู้ชื่อเสียงเรียกศรัทธากลับมาได้มากน้อยแค่ไหน

หลังจากตกอยู่ในสภาพ “ขาลง” มาอย่างยาวนานหลายปี

Advertisement

การเลือกตั้งครั้งนี้จะชี้ชะตา ปชป. จะมีทิศทางไปทางไหน

หลังจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการ ปชป. ประกาศว่า

หากครั้งนี้ได้ ส.ส.น้อยกว่าปี 2562 หรือ 52 ที่นั่ง จะเลิกเล่นการเมือง

Advertisement

และเชื่อว่า ถ้าน้อยกว่าเดิมจริง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้า ปชป. ก็คงอยู่ไม่ได้เช่นเดียวกัน

ปชป.ถือว่าเป็นพรรคเก่าแก่ที่สุดของการเมืองไทย

ก่อตั้งเมื่อวันที่ 5 เม.ย.2489 ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก

ในอดีตเคยยึดพื้นที่ภาคใต้ และ กทม. ได้อย่างเป็นปึกแผ่น

บุคลากรในพรรคล้วนแล้วแต่มีฝีไม้ลายมือฉกาจฉกรรจ์ ในเชิงการเมือง

และที่สำคัญใน ปชป.มีนักการเมืองที่ฝีปากไม่เป็นลองใครอยู่จำนวนมาก

แต่เมื่อถึงเวลาต้องลาจากกัน หลังจากร่วมหัวจมท้ายกันมานาน จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่

สภาพที่เกิดขึ้นก็คือ “ซัดกันเละ” ทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ ใส่กันไม่ยั้ง

ยกตัวอย่างกรณี นายจุรินทร์ระบุว่ามีพรรคการเมืองที่จ้องตกปลาในบ่อเพื่อน

และนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ในฐานะประธานสภาที่ปรึกษา ปชป. ยังออกมาสะบัดมีดโกนให้สัมภาษณ์สื่อ

ระบุว่ามีการมาเจรจากับ ส.ส.ปชป. เสนอเงินให้ 200 ล้านบาท

เพื่อให้ย้ายพรรคและกวาดเก้าอี้ในจังหวัดแบบยกจังหวัด

และเรื่องนี้ นายชุมพล กาญจนะ ส.ส.ปชป.สุราษฎร์ธานี ย้ายไปเป็นรองหัวหน้าพรรค รทสช. ก็ออกมายอมรับว่านายชวนหมายถึงตน

แม้จะไม่มีการเอ่ยชื่อ แต่ปฏิเสธว่าไม่มีการจ่ายเงินจ่ายทองแต่อย่างใด

ทำให้นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตรองหัวหน้าพรรค ปชป.

ปัจจุบันย้ายตาม นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค อดีต ส.ส.ปชป. ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

นายไตรรงค์ออกมาโต้นายจุรินทร์กับนายชวนว่า

“พรรคที่นายจุรินทร์พูดถึงคงชั่วจังเลย แต่คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องมีวิธีป้องกันคนของตัวเองไม่ให้ออกด้วย มี 2 ประเด็น คือ 1.มีพรรคการเมืองที่พยายามจะไปตกลงกับสมาชิกของพรรคอื่นโดยมีการระบุว่าจะให้เงินให้ทอง 2.มีบางพรรคที่กลัวสมาชิกจะออกก็ยัดเงิน ประมาณว่าอย่าออกนะ ให้เงินเท่านู้นเท่านี้ ซึ่งแบบนี้เรียกว่าตกปลาในบ่อตัวเอง”

นายไตรรงค์ ยังกระแทกซ้ำด้วยว่า

“คนที่ออกมาจาก ปชป.ต้องไปถามเขาดูว่าทำไมเขาถึงออก ก็เพราะปชป.ไม่สามารถรักษาอุดมการณ์เดิมไว้ได้แล้ว ตั้งแต่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เสียชีวิต อุดมการณ์ก็อ่อนมาเรื่อยๆ ผมสังเกตมาตลอด และคนที่อยู่ก็ไม่รักษาอุดมการณ์ เมื่อก่อน ปชป.เลือกตั้ง เลือกกรรมการบริหารไม่เคยซื้อเสียง แต่ระยะหลังซื้อกันคนละแสนสองแสน และได้ข่าวยัดเงินบางคนไปจนถึงล้านแล้ว คนอย่างผมจะอยู่ได้อย่างไร ถ้าพรรคตกต่ำถึงขนาดนี้”

เรียกได้ว่างานนี้ “รุ่นใหญ่ใส่กันเละ”

ในขณะที่อีกด้าน ปชป.ก็เร่งสรรหาบุคคล “เลือดใหม่”

เพื่อเป็นตัวแทน ปชป.สู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเต็มกำลัง

หลังจากเกิดปรากฏการณ์เลือดเก่าไหลออกไม่หยุด

และแน่นอนว่า ปชป.ยังคงใช้จุดแข็งเรื่องการปราศรัย ขายนโยบาย ในการหาเสียงแบบเข้มข้น

แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นจากการหาเสียงอีกจนได้

เมื่อ นายชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาฯ ปชป. ปราศรัยแบบ “เบรกแตก” ที่พัทลุง

เปรียบเทียบว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พัทลุง ของ ปชป.เรียนจบจากนอก

แตกต่างกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคอื่น เรียนจบแค่มหาวิทยาลัยในประเทศไทย

ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์นายชัยชนะ และ ปชป.ในวงกว้างขณะกำลังอยู่ในช่วงหาเสียง

จนนายชัยชนะต้องออกมาขอโทษมหาวิทยาลัยที่ถูกระบุชื่อ

เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่าง ปชป.ต้องเจอมรสุมคลื่นลูกใหญ่กระแทกซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างหนักหน่วง

การเลือกตั้ง พ.ค.2566 จึงเป็นบทพิสูจน์ผู้บริหาร ปชป.ชุดนี้ว่าจะสามารถฝ่าฟันไปได้แค่ไหน

ถึงจุดต่ำสุดของ ปชป.แล้วหรือยัง จะเป็นช่วงขาขึ้นแล้วหรือไม่

ถึงเวลาทวงคืนความยิ่งใหญ่หรือยัง

หรือถึงเวลา ปชป.จะต้องผลัดใบครั้งใหญ่อีกครั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image