เดินหน้าชน : ถอดสมการ ‘310เสียง’

เดินหน้าชน : ถอดสมการ‘310เสียง’

ในที่สุดประเทศเราก็เข้าสู่โหมดเลือกตั้งหลัง กกต.ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 พ.ค. โดยเปิดรับสมัครผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งวันที่ 3-7 เม.ย.

สำหรับพรรคการเมืองได้เตรียมพร้อมและเดินสายหาเสียงมามากกว่า 1 เดือนแล้ว แต่สถานการณ์การเมืองไปไกลถึงขั้นแบ่งฝ่ายจับขั้วตั้งรัฐบาลกันล่วงหน้าแล้ว

โดยเฉพาะตัวเต็งอย่างเพื่อไทย (พท.) ที่นำโด่งแทบทุกโพล ประกาศเป้าหมายแคมเปญ “แลนด์สไลด์” กวาด ส.ส. 310 เสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว เตรียมใช้ “ชัชชาติโมเดล” ชวนประชาชนร่วมลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์

Advertisement

ผมเองก็สงสัยตัวเลข 310 เสียงพร้อมตั้งคำถามว่าเพื่อไทยเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่เมื่อได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. ผ่านบีบีซีไทยจึงคลายสงสัยว่าไม่ได้ยกเมฆขึ้นมา

ภูมิธรรมระบุว่า เป็นการวิเคราะห์จากกระแสนิยมในตัวบุคคล ทั้งว่าที่แคนดิเดตนายกฯตามโผของสื่อ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งจะเปิดตัวครบ 400 เขต, ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยปรับฐานจาก 350 เขต (จำนวนเขตเลือกตั้งปี 2562) เป็น 400 เขต (จำนวนเขตเลือกตั้งปี 2566), ฐานข้อมูลสมาชิกพรรค, ต้นทุนของพรรคในการจัดทำและผลักดันนโยบาย “ประชาธิปไตยกินได้” รวมถึงอารมณ์ของสังคมที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง และอยากออกจาก “ระบอบประยุทธ์”

ในเดือน ส.ค.2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งเก้าอี้นายกฯครบ 8 ปี ท่ามกลางกระแสกดดันให้ยุบสภา-ลาออก สื่อหลายสำนักวิเคราะห์ว่า หากมีการเลือกตั้งทั่วไป พท.มีโอกาสได้ที่นั่งในสภา 180-220 เสียง ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่หนีห่างไปจากแนววิเคราะห์ของพรรค

Advertisement

“หากไม่ทำอะไรเลย เราจะได้ 220-230 เสียง เราจึงเสนอที่ 250 เสียงขึ้นไป ซึ่งคิดว่าคนเชื่อเรา เพราะคนเชื่อ 230 อยู่แล้ว เพิ่มอีก 21 เป็นไปได้ หากเราตั้งนายกฯไม่ได้ แต่เขาก็บริหารไม่ได้ เพราะสภาล่างเป็นตัวตัดสินทั้งเรื่องนโยบาย และงบประมาณ คุณไม่มีทางผ่านสภาล่างเราไปได้ นี่เป็นการบล็อกที่เรามาตามกระบวนการประชาธิปไตย ใช้ mandate (อาณัติ) ของประชาชน”

ขณะเดียวกันพบว่าคะแนนนิยมในตัว อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก 8-12% ในวันแรกๆ ที่เปิดตัวเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม เมื่อ ต.ค.2564 ค่อยๆ ไต่ระดับจนล่าสุด ณ สัปดาห์ที่สองของ มี.ค.2566 มาอยู่ที่ 48%

“วันนี้บรรยากาศของทุกภาคคล้ายๆ กับเมื่อปี 2548” ครั้งนั้นพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายและจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว 377 เสียง

คาดการณ์เลือกตั้งครั้งนี้ว่า ภาคเหนือและภาคอีสาน “ชนะแน่” ราว 130 เขต ภาคกลาง ซึ่งมี ส.ส.เดิม 7 คน เขาเปิดตัวเลขเป้าหมายไว้ที่ 40 เขต ภาคใต้ ซึ่งไม่เคยปักธงได้แม้แต่ที่เดียวในรอบ 2 ทศวรรษ เขาบอกว่า “จากคิดว่าได้ 1 คนก็ชนะแล้ว ตอนนี้กระแสพรรคดีมากคิดว่า 5 คนเรามีโอกาส”

“เราทำโพลมา มันจะมีเขตที่เราชนะขาดกับแพ้ขาด เพราะตัวเขา (คู่แข่ง) แข็งแรง เมื่อตัดหัวตัดท้ายออกไป มีอยู่ 100-150 เขตที่ชนะมากกว่า 2-5% กับแพ้มากกว่า 2-5% ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่เราจะทุ่มเท”

สำหรับพื้นที่ตรงกลาง 100-150 เขตที่เขาอ้างถึง เป็นเขตที่ พท.เคยชนะคู่แข่งขันมา 5% จึงถือเป็น “เขตที่ต้องเฝ้าระวัง” ไม่ประมาทเพื่อไม่ให้พลาดท่า-เสียที่นั่ง และเขตที่ พท.เคยแพ้มา 2% หากเพิ่มความวิริยอุตสาหะเชื่อว่ามีโอกาสพลิกมาชนะคู่แข่งได้

“ภูมิธรรม” ฉายภาพเป้าหมายแลนด์สไลด์ จาก 250 เสียงเป็น 310 เสียง แบ่งเป็น ส.ส.เขต 260 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 50 คน

แสดงว่าต้องได้คะแนนมหาชน 17.5 ล้านเสียง จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งราว 52 ล้านคน จึงจะไปถึงยอดปาร์ตี้ลิสต์ตามธงที่ตั้งไว้ (3.5 แสนคะแนน/1 ส.ส.) ซึ่งการเลือกตั้ง 2554 พท.ได้คะแนนมหาชน 15.7 ล้านเสียงได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 61 คน

ดังนั้นการปราศรัยบนเวที พท.จึงปล่อยคำสำคัญ อาทิ “แบ่งใจไม่ได้” “ไม่มีพรรคพี่-พรรคน้อง” “ไม่กาเพื่อไทย 2 ใบ ได้ประยุทธ์” “เลือกพรรคอื่น ได้ประยุทธ์” ทั้งหมดนี้เพื่อชี้ชวนให้ประชาชนเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์

“เราต้องทำความเชื่ออันนี้ให้ปรากฏ ต้องให้ประชาชนออกไปกากบาทเชิงยุทธศาสตร์ ถามว่าจะทำได้อย่างไร ทำได้ ดูอย่างตอนเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ชัชชาติ (สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครอิสระ) ได้คะแนน 1.3 ล้าน ส่วนผู้สมัครเบอร์รองๆ ลงไปได้คนละ 2 แสนกว่า คนเทให้ชัชชาติเพราะอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง อันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าพรรคอื่นบอกว่าจะตั้งรัฐบาลพรรคเดียว คนเชื่อไหม ผมว่าไม่ มีแต่เพื่อไทยพรรคเดียวที่พูดได้ ผมเชื่อว่าพรรคที่เหลือ ไม่มีใครได้เกิน 100 หรอก”

“เราเสนอ 310 จะเป็นรัฐบาลพรรคเดียว จะไปพูดทำไมว่าจับ ไม่จับใคร ถ้าได้เกินแล้วต้องไปจับกับพลังประชารัฐหรือ ผมก็โง่เป็นควาย แต่ถ้าผมไม่ได้สิ เสียงไม่พอ อันนั้นต้องมานั่งคิดว่าจับ ไม่จับใครที่จะไม่สร้างความผิดหวังในความคาดหวังของประชาชน อันนั้นเป็นสิ่งที่เราแคร์ที่สุด”

นี่คือสมการของ พท. แต่สิ่งสำคัญคือความยินยอมของชนชั้นนำ (อีลีท) คือเงื่อนไขที่อาจเตะตัดขาสมการอันนี้ได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image