เดินหน้าชน : ผลจากโพล

เดินหน้าชน : ผลจากโพล

“นิด้าโพล” เผยผลสำรวจช่วง 15-21 มีนาคม ระบุ คน กทม.ที่ไปถามความเห็นมา หนุน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ร้อยละ 25.08 ถัดมา เป็น แพทองธาร ชินวัตร ของพรรคเพื่อไทย ที่เพิ่งจะสัมผัสการเป็นนักการเมืองครั้งแรกในชีวิต ได้ร้อยละ 24.20 ห่างจากพิธาเพียง ร้อยละ 0.88 โดยสองอันดับแรกสลับกันขึ้นลง ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ร้อยละ 18

เป็น 3 อันดับที่ชาว กทม.มีใจให้มากที่สุด ส่วนที่เหลือจากนั้น ถูกทิ้งห่างไกลมาก

น่าสนใจที่พรรคประชาธิปัตย์ เคยยิ่งใหญ่ในพื้นที่ กทม.อยู่ในช่วงขาลงอย่างหนัก จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้เสียงหนุนเพียงร้อยละ 1.56

Advertisement

ส่วน พรรคพลังประชารัฐ พรรคร่วมรัฐบาลเคยหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรี มาบัดนี้ ดัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ถูกทิ้งไม่เห็นฝุ่น

โพลอาจถูกมองว่าเป็นเพียงการจำลองภาพส่วนหนึ่งของประชาชนคิดเห็นอย่างไร ใครจะสนใจหรือไม่ให้เครดิตก็ยังได้ แต่ข้อดีของโพลคือการสะท้อนให้เห็นว่า ช่วงเวลาหนึ่ง ประชาชนคิดเห็นอย่างไรต่อสถานการณ์บ้านเมือง

ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อาจจะหงุดหงิดนิด้าโพลล่าสุด แสดงความเห็นไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไม พล.อ.ประวิตร ไม่ติดโผเป็นนายกฯ “ไม่รู้ว่าลืมใส่ หรือลุงป้อมไม่ได้จ่ายเงิน การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของพวกเรา เพราะเรามีนโยบาย มีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน”

Advertisement

เมื่อตัดภาพมาที่ ชวน หลีกภัย ผู้อาวุโสทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นหนังคนละม้วน คนละประสบการณ์ ที่มองนิด้าโพลจากผลสำรวจครั้งก่อนหน้านี้ ตอนหนึ่ง ชวนบอกว่า “ที่ผ่านมา หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มักจะอยู่รั้งท้ายของโพลส่วนใหญ่ แต่ส่วนตัวมองว่า นายจุรินทร์เป็นคนเก่งที่มีความสามารถคนหนึ่งทั้งในสภาและนอกสภา และยังเป็นอดีตนักเรียนเรียนเก่งของจังหวัดพังงา ยืนยันว่า ไม่ใช่เพราะการยกย่องคนในพรรคกันเอง”

ชวนยังบอกว่า จะตระเวนหาเสียงไปทั่วประเทศ เพื่อขอคะแนนเสียง ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์จากประชาชน ที่มีสิทธิกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ไม่เลือกคนแต่ก็เลือกพรรคได้ เชื่อว่าพรรคน่าจะได้คะแนนเสียงจากบัตรเลือกตั้งส่วนนี้มากขึ้น รวมทั้งประชาชนจะยอมรับในตัวหัวหน้าพรรคมากขึ้น

ส่วนผลนิด้าโพลที่ยก พิธา ได้รับความไว้วางใจจากคน กทม.ให้เป็นอันดับ 1 ของบุคคลที่ต้องการให้เป็นนายกฯ ทั้งที่เมื่อเดือนก่อนเกิดวิวาทะกับ ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ใช้คำพูดกันแรงๆ จนกองเชียร์กลัวว่าพรรคจะแตกเสียแล้ว ภาพที่ออกมาดูไม่ดี ก่อนทั้งสองจะหันหน้าปรับความเข้าใจทันที ปัจจุบันแทบไม่มีใครพูดถึงอีก สยบดราม่าได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อกล่าวถึงพรรคก้าวไกล เป็นพรรคฝ่ายค้านมีขนาดเล็กกว่าพรรคเพื่อไทย แต่ก็สร้างความสั่นสะเทือนลือลั่นทุกครั้งที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งการลงมติหรือไม่ต้องลงมติ รัฐมนตรีที่โดนอภิปรายจะรู้สึกหวาดเสียวกับ ส.ส.ก้าวไกล พร้อมจะงัดข้อมูลออกมาใส่เต็มทุกครั้ง ไล่เปิดแผลรัฐมนตรีแล้วสาดเกลือลงไปแสบคันยิ่งขึ้นไปอีก

ผลเสียของเหล่ารัฐมนตรีที่ตอบไม่เคลียร์ แจงไม่ชัด พอมีการจับประเด็นการพูดออกมา ไม่อาจแก้ข้อกล่าวหาได้ เมื่อพูดเรื่องกฎหมายที่จะเอาผิดรัฐมนตรีที่ฉ้อฉลก็ยากเต็มทน กินเวลานาน แต่ก็หนีไม่พ้นต่อการถูกลงโทษ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคม แต่ก็มิได้ปฏิเสธว่า ก็มีรัฐมนตรีบางคนที่ยังโต้ข้อกล่าวหาได้

ส่วนการแสดงความเห็นของนักการเมือง พอสื่อเอาคำพูดมาพาดหัว ก็จะดูแรงๆ ลองทำใจให้เย็น กลับไปพิจารณายุทธศาสตร์การหาเสียง และการชูแคนดิเดตนายกฯของพรรคขึ้นมาที่ผ่านมาอีกครั้ง ไม่ว่าผลโพลจะเป็นบวกหรือลบ ก็ต้องตรวจสอบตัวเองตลอดเวลาอยู่ดี ยังเหลือเวลาที่จะปรับจูนภาพลักษณ์ เพราะทั้งหมดต้องรอเบอร์พรรค เบอร์ ส.ส.เขต ออกมา เพื่อปรับวิธีหาเสียงกันได้อีกยก

อีกทั้งควรเข้าใจด้วยว่า การสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่อาจไม่เป็นคุณกับพรรค ก็ล้วนมีเหตุผลชัดเจนอยู่แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image