เหตุผล‘ก้าวไกล’ถอย

เหตุผล‘ก้าวไกล’ถอย

เหตุผล‘ก้าวไกล’ถอย

หลังเลือกตั้ง 14 พ.ค. ซีกประชาธิปไตยชนะเลือกตั้งได้คะแนนเสียงถล่มทลาย ในวันนั้นอุปสรรคใหญ่คือการดึงเสียง ส.ว.เพื่อโหวตหนุน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่ชนะเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับ 1 ให้ได้เกิน 376 เสียง ของ 2 สภา

แต่วันนี้อุปสรรคใหญ่ที่คิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นในฝั่งประชาธิปไตย คือ เก้าอี้ประธานสภา เพราะมีกลิ่นทะแม่งๆ จากพรรคเพื่อไทยที่ยืนกรานต้องได้ประธานสภา แม้ได้คะแนนเป็นอันดับ 2

วิกฤตเก้าอี้ประธานสภาอยู่บนหน้าสื่อเกือบเดือน จนหลายคนเริ่มออกอาการเบื่อหน่ายการเมืองอีกครั้ง

Advertisement

ล่าสุดความขัดแย้งคลี่คลายหลัง “พิธา” เจรจากับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ลงตัวจนกลายเป็นข้อตกลงร่วม 2 พรรคคือ 1.เสนอชื่อวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร 2.ผลักดันวาระที่ทำให้รัฐสภาไทยก้าวหน้า ให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพและเป็นของประชาชน 3.ข้อตกลงเป็นไปเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพระหว่าง 8 พรรคในการจัดตั้งรัฐบาลเสนอและสนับสนุนพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี อย่างสุดความสามารถ และ 4.พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยยืนยันร่วมกันให้ความเห็นชอบกฎหมายสำคัญเพื่อประชาชน ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมคดีแสดงออกทางการเมือง และการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ได้แก่ พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ร่าง พ.ร.บ.กฎอัยการศึก และร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ

หลายคนตั้งข้อสงสัยและเกิดคำถามว่าทำไมพรรคก้าวไกลจึงถอยในศึกครั้งนี้ เพราะขัดกับบุคลิกของพรรคที่ทำการเมืองสไตล์เดินหน้ายึดหลักการ จนด้อมส้มเกิดอาการหวั่นไหวว่าพรรคก้าวไกลเปลี่ยนไปหรือไม่

ล่าสุด “พิธา” ได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กเปิดเผยเหตุผลการถอยในครั้งนี้โดยระบุว่า “หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมพรรคก้าวไกลถึงยอมถอยเรื่องตำแหน่งประธานสภา ทั้งที่ได้ประกาศวาระที่ต้องการผลักดันไปแล้วกับประชาชน

Advertisement

ผมขอยืนยันว่าการตัดสินใจของเรา เราตัดสินใจภายใต้การรักษาเอกภาพการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล พวกเราถอยจากเงื่อนไขเดิมที่พวกเราตั้ง ภายใต้เงื่อนไขการบริหารงานสภา ภายใต้นโยบายที่พรรคก้าวไกลแถลงไปแล้ว

ก่อนที่เราจะทำการตัดสินใจ พวกเราได้มีโอกาสพูดคุยกับอาจารย์วันนอร์ เราได้พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาว่า “สภาก้าวหน้า” “สภาโปร่งใส” “สภาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” จะเป็นนโยบายหลักภายใต้การดำรงตำแหน่ง นอกจากนี้ อ.วันนอร์ยังให้คำมั่นกับพวกเราว่า กฎหมายสำคัญของพรรคก้าวไกล เช่น สุราก้าวหน้า สมรสเท่าเทียม กฎหมายเพื่อกลุ่มพี่น้องแรงงาน และกฎหมายเพื่อกลุ่มชาติพันธุ์ จะไม่ถูกขัดขวางหรือถ่วงให้ช้า ไม่ว่าด้วยความไม่ไว้วางใจหรือความไร้ประสิทธิภาพภายใต้การทำงานของ อ.วันนอร์

โดยส่วนตัว ผมได้มีโอกาสร่วมงานกันภายใต้พรรคร่วมฝ่ายค้านในรัฐบาลที่ผ่านมา ในทุกการประชุมร่วมกัน อ.วันนอร์ยืนอยู่ข้างเหตุผลและความถูกต้องอยู่เสมอ ซึ่งเป็นจุดร่วมกันกับที่พรรคก้าวไกล จนผมกล้าพูดได้ว่า อ.วันนอร์เป็นหนึ่งคนที่ผมสามารถไหว้ได้อย่างสนิทใจ

ภายใต้ฉากทัศน์ที่ไม่แน่นอนของการเมืองไทย พวกเราไม่ประมาทในทุกสถานการณ์ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าการตัดสินใจของพวกเรา พรรคก้าวไกลทำภายใต้ความคิดว่า “หลักการสำคัญกว่าตัวบุคคล” สาเหตุที่เราเสนอชื่อ ปดิพัทธ์ (สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก) ไม่ใช่เพราะคุณปดิพัทธ์คือคุณปดิพัทธ์ แต่เพราะเราเชื่อว่าคุณปดิพัทธ์คือคนที่พรรคก้าวไกลเชื่อมั่นว่าจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงสภาให้เป็นแบบที่เราอยากเห็นได้

สุดท้าย ไม่ว่าฉากทัศน์จะเป็นอย่างไร ผมพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์ การตัดสินใจครั้งนี้ของพวกเราไม่ใช่การเอาประโยชน์ของผมหรือพรรคก้าวไกลเป็นตัวตั้ง แต่เป็นภารกิจเพื่ออนาคตการฟื้นฟูประชาธิปไตยของประเทศ

การตัดสินใจภายใต้เงื่อนไขรัฐบาลผสม สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้ที่จะเดินหน้าและถอยภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสม การตัดสินใจของพรรคก้าวไกลในวันนี้ ไม่ใช่เป็นไปเพื่อเหตุผลทางการเมืองเฉพาะหน้า แต่เราตัดสินใจจากคุณค่าพื้นฐานร่วมกันของพรรคในการทำงานการเมืองระยะยาวเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้สำเร็จได้ โดยมีเส้นที่เราจะไม่สามารถล่วงล้ำได้เลย คือการทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน”

ผมเชื่อว่าการถอยของพรรคก้าวไกลครั้งนี้เพื่อเตรียมรอรับแรงกระแทกในฉากทัศน์ส่งชื่อ “พิธา” ชิงนายกฯ เพราะจะเป็นแรงกระแทกที่ท้าทายอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกลครั้งสำคัญ

พันธศักดิ์ รักพงษ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image