ผู้เขียน | เดินหน้าชน |
---|
เดินหน้าชน : ‘คนไทย’ ถูกปล้น
เห็นความพยายามของพรรคก้าวไกลดัน “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคนั่งนายกฯ คล้ายๆ ภาพของหนูติดกับดักที่ถูกวางไว้รอบด้าน
ต้องต่อสู้กับนักการเมืองเก่าเขี้ยวลากดินใช้วิธีร้อยเล่ห์สารพัดเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ยิ่งรู้สึกเห็นใจ เพราะเล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้ มันกัดกินการเมืองไทยมานาน ผมเชื่อว่าคนที่ออกไปเลือกตั้งถล่มทลายในครั้งนี้ให้บทเรียนนักการเมือง และเชื่อว่าในอนาคตคนพวกนี้จะพ่ายแพ้อย่างยั่งยืน
แต่ประเทศไทย ณ วันนี้ เดิมพันอำนาจมันใหญ่เกินไปสำหรับพรรคก้าวไกล
บทที่ถูกเขียนให้พรรคก้าวไกลต้องเดินถูกปลุกปั่นด้วยเงื่อนไข ม.112
ยิ่งเสียงอภิปรายในสภาของบรรดา ส.ส.-ส.ว.ใช้วลีเดิมๆ คือ การปกป้องสถาบันหลัก ถูกนำมาอ้างอิงอีกครั้ง และทุกครั้งที่มีการต่อสู้แย่งชิงอำนาจทางการเมือง
แต่เหตุผลที่แท้จริงแล้ว “ผลประโยชน์” จากการครองอำนาจการปกครองและเศรษฐกิจต่างหาก นั่นคือเหตุผลหลักที่ต้องสกัดพรรคก้าวไกล
กลุ่มผลประโยชน์ที่จะได้รับผลกระทบหากพรรคก้าวไกลสามารถตั้งรัฐบาลได้
“กองทัพ” ถูกแรงกระแทกจากนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหาร ลดกำลังพล ลดขนาดกองทัพ ยุบ กอ.รมน. หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และยกเลิกกฎอัยการศึกชายแดนใต้ ระบบคอมมิสชั่นและเครือข่ายอุปถัมภ์ถูกทลายห้าง กองทัพสูญเสียอำนาจใช้จ่ายงบหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งจะถูกผ่องถ่ายไปใช้ด้านสวัสดิการสังคม
“มหาดไทย” ถูกผลกระทบจากนโยบายเลือกตั้งผู้ว่าฯทุกจังหวัด ตัดโอกาสขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในระบบราชการส่วนภูมิภาค กระทบผลประโยชน์จากการเลื่อนยศปลดย้าย กำลังคน และงบบางส่วนจะถูกผ่องถ่ายไปให้ท้องถิ่น
กลุ่มเอกชนทุนผูกขาด อาทิ จากนโยบาย พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าจะทลายการผูกขาดและกระจายโอกาสการผลิตสู่เอสเอ็มอีทั่วประเทศ
กลุ่มผลประโยชน์กลุ่มนี้คือผู้อยู่เบื้องหลังละครฉากใหญ่ ถูกผูกโยงใยกับแกนนำพรรคการเมืองและ ส.ว.ชุดลากตั้งที่มีผลประโยชน์เชื่อมโยงกันทั้งทางตรงและทางอ้อม
พรรคก้าวไกลรู้ทั้งรู้ว่าศัตรูรอบทิศแต่ก็พยายามเดินเกมการเมืองเหมือน “หักด้ามพร้าด้วยเข่า” และน่าเสียดายหากสุดท้ายอาจไม่ได้ขับเคลื่อนนโยบายดีๆ ได้เลย
หากลองไปฟังคำพูดของ “สมพงษ์ จิตระดับ” นักวิชาการการศึกษา มันมีนัยยะที่น่าสนใจที่ว่า อยากให้พรรคก้าวไกลและ 8 พรรคการเมือง ถ้าเดินได้ถอยเป็น ต้องเห็นการเปลี่ยนแปลง ถ้าเดินได้ ต้องรู้ว่าควรจะเดินอย่างไร คือ คุณต้องรู้จังหวะ รู้โอกาส และเวลา บางเรื่องมันไปไม่ได้ เรื่องที่เป็นความขัดแย้งรุนแรง เช่น มาตรา 112 เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่การประนีประนอม แต่เป็นเรื่องของจังหวะ ทั้ง 8 พรรคที่เอ็มโอยูร่วมกัน มีเรื่องดีๆ ที่จะผลักดันร่วมกัน
คนที่เลือกพรรคก้าวไกลกว่า 14 ล้านเสียง ไม่ใช่มีแค่นิสิต นักศึกษาและกลุ่มคนรุ่นใหม่เท่านั้น กลุ่มคนอื่นๆ เช่น สมาคมชาวประมง กลุ่มคนในวงการการศึกษา ต่างเลือกเพื่อหวังจะให้ผลักดัน ขับเคลื่อน และเปลี่ยนแปลงประเทศ แก้ไขปัญหาที่สั่งสมมายาวนาน
ถ้าพรรคก้าวไกลไปติดอยู่เรื่องเดียว คิดว่ามันทำลายความหวัง และทำลายสิ่งที่คนอื่นเขาอยากจะเห็นประเทศเดินหน้า เพราะฉะนั้นอย่ามุทะลุดุดัน อย่าให้เรื่องนี้เป็นนโยบายเดียวที่ทำลายโอกาสของประเทศอีกหลายร้อยเรื่อง จึงอยากให้คิดให้รอบคอบ เพราะไม่มีการหักด้ามพร้าด้วยเข่าได้
ถ้าพรรคก้าวไกลเดินได้ถอยเป็น เข้าใจสิ่งที่พูดอย่างจริงจัง คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวได้ การฟังคนรุ่นใหม่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ไม่ใช่เรื่องของม็อบ หรือฟังด้อมส้มเพียงอย่างเดียว ยังมีประชากรมากกว่า 14 ล้านคน ซึ่งในจำนวนนั้น ฝากปัญหา ฝากสิ่งที่คุณสัญญากับประชาชนไว้อยู่
อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เพราะระบบการศึกษาของประเทศถูกเลี้ยงไข้มา 8-9 ปี ซึ่งเป็นเวลาที่ยาวนาน การศึกษาไทยได้รับการปฏิรูปแบบทิพย์ เทียม ไม่มีอะไรดีขึ้น เราจะปิดกั้นโอกาสทางการศึกษา โอกาสการเปลี่ยนแปลง และในวงการการศึกษาก็ฝากความหวังไว้กับ 8 พรรคการเมืองไว้สูง ไม่อยากให้เรื่องนี้เรื่องเดียวมาทำลายเสียงส่วนอื่นๆ ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง
ผมก็คิดเหมือนคนไทยส่วนใหญ่ น่าเสียดายหากวันนี้ “พิธา” ไม่ได้เป็นนายกฯ และ 8 พรรคการเมืองไม่ได้ตั้งรัฐบาลมาบริหารประเทศ
คนไทยมีเพียงสิทธิเดียวที่ได้ใช้กำหนดอนาคตคือสิทธิเลือกตั้ง แต่วันนี้ก็ยังถูกปล้นเอาไปจนไม่เหลืออะไรให้หวังอีกแล้ว