ผู้เขียน | เดินหน้าชน |
---|
เดินหน้าชน : เพื่อไทยไปให้รอด?
การจับมือไขว้กันระหว่างแกนนำพรรคเพื่อไทย หมอ ชลน่าน ศรีแก้ว-ภูมิธรรม เวชยชัย-ประเสริฐ จันทรรวงทอง กับแกนนำพรรคภูมิใจไทย อนุทิน ชาญวีรกูล-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ-พิพัฒน์ รัชกิจประการ
ในการแถลงข่าวร่วมกันที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม
ว่าเป็นสารตั้งต้นจำนวน 212 เสียง (141+71) ร่วมมือกันโหวตในที่ประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อตั้งรัฐบาล
หนุน “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยให้เป็นนายกฯ
และประกาศว่า ขณะนี้ได้เสียง ส.ส.มาสนับสนุนเศรษฐาเกินครึ่งของสภาผู้แทนฯแล้ว
ปัญหา ณ วันนี้ มีอยู่ว่า คำประกาศของหมอชลน่านที่บอกจะไม่มี 2 ลุงมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลนั้น มีใครบ้างที่เชื่อถือ?
อย่าลืมว่าหมอชลน่านเคยประกาศกับ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ต่อหน้าสื่อมวลชนว่า จะรักกันตลอดไป
แต่ไม่ทันไร รักนั้นก็สะบั้น คำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ต่อกันกลายเป็นหนามคอยทิ่มแทงหัวใจอยู่ทั้งยามหลับและยามตื่น
พรรคเพื่อไทยจะเดินเกมการเมืองอย่างแยบยลเช่นไร?
หนึ่ง เพื่อดึง ส.ส.จากขั้ว 188 เสียงมาร่วม ซึ่งมี ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ 40 เสียงและพรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียงรวมอยู่ด้วย
หนึ่ง การเปิดดีลให้ ส.ส.จาก 2 พรรคลุงยืนขึ้นประกาศโหวตให้เศรษฐาเป็นนายกฯโดยอ้างว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ไม่เกี่ยวกับพรรค และลุงตู่วางมือทางการเมืองไปแล้ว
หนึ่ง พรรคเพื่อไทยจะเดินเกมการเมืองสร้างสรรค์อย่างไรที่ทำให้ 2 ลุง หรือลุงใดลุงหนึ่งส่ง “ซิก” ให้ ส.ว.ยอมโหวตให้เศรษฐา รวมแล้วได้ถึง 374 เสียง
นี่ยังไม่พูดถึง ขวากหนามอันเกิดจากกลุ่มอำนาจเดิม เมื่อตกลงกันไม่ได้ ข้อเสนอและเงื่อนไขที่เปรียบเหมือนกำแพงที่คอยปิดกั้นก็ดี
การเสียสัจจะวาจาก็ดี การดำเนินการที่ขัดหลักการประชาธิปไตยและไร้ซึ่งความชอบธรรมก็ดี
จะเกิดแรงต่อต้านจากฝ่ายที่ไม่พอใจหรือไม่?
การเมืองสมัยใหม่ในปัจจุบัน ไม่ใช่เล่นกันตามใจในสภา แต่นอกสภาก็มีบทบาทมากขึ้นตามลำดับ!
พรรคเพื่อไทยก็ประสบพบเห็นอยู่แล้วกรณีมีมวลชนมาชุมนุมประท้วง ด่าทอ เผาหุ่น สาดสีที่หน้าที่ทำการพรรค
อย่างไรก็ตาม สำหรับสิ่งที่พรรคเพื่อไทยเสนอว่าจะทำอะไรบ้างหลังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เช่น ครม.ประชุมนัดแรกเพื่อมีมติเห็นชอบให้ประชาชนลงประชามติเพื่อให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มาจัดทำรัฐธรรมนูญ และอีกหลายเรื่อง
แต่ดูเหมือนคนในสังคมจะรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้ดีใจ
อาจเป็นเพราะไม่อยากเชื่อ เพราะพรรคที่จะเข้ามาร่วมเป็นรัฐบาลจากขั้วอำนาจเดิมก็ “ออกลาย” ให้เห็น “ธาตุแท้” มาแล้วตลอด 4 ปีที่ผ่านมาว่า ไม่ได้สนใจ ไม่ทำตามนโยบายเร่งด่วนที่ประกาศเอาไว้
ยังไม่ต้องพูดถึง ส.ว. 250 คนจะหาเรื่องหาราวเพื่อขัดขวาง
ถึงตอนนั้น พรรคเพื่อไทยก็จะตกเป็น “จำเลย” เมื่อสิ่งที่เคยพูดไว้ไม่สามารถทำได้
เกมการตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยอย่าเพิ่งวางใจว่าทุกอย่างจะราบรื่น
โดยเฉพาะเศรษฐาที่โดน “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ออกมา สกัดแบบ “กัดไม่ปล่อย”?
แม้จะส่งทนายไปยื่นฟ้องหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 500 ล้านบาท แต่ชูวิทย์ก็หาได้ลดละไม่!
นี่เอง แกนนำพรรคก้าวไกลไม่ว่าจะเป็น “ชัยธวัช ตุลาธน-วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ถึงได้พูดว่า
พร้อมจะต้อนรับพรรคเพื่อไทยให้กลับมาคุยกันหากการจัดตั้งรัฐบาลไม่ประสบความสำเร็จ
อย่าประมาทและล้อเล่นกับคำพูดของพรรคก้าวไกลเป็นอันขาด!?!