เดินหน้าชน : ค่าโง่อย่าแกล้งโง่

เดินหน้าชน : ค่าโง่อย่าแกล้งโง่

เผือกร้อนๆ ที่กำลังถาโถมเข้าใส่รัฐมนตรีใหม่คนแรกๆ หนีไม่พ้น “สุทิน คลังแสง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตแกนนำเสื้อแดง อดีตประธาน นปช. จ.มหาสารคาม ซึ่งมีปัญหาขัดแย้งกับกองทัพทั้งการรัฐประหารและสลายการชุมนุม ถือเป็นไม้เบื่อไม้เมากับกองทัพมาโดยตลอด

แต่วันนี้รอบตัวรัฐมนตรีรายล้อมไปด้วยคนในกองทัพ ศรภ.จัดชุดรักษาความปลอดภัย 2 ชุด รวม 14 นาย ให้สับเปลี่ยนเข้าเวรรักษาความปลอดภัย 24 ชม.ขบวนรถของ “บิ๊กทิน” มีทีมคุ้มกันเข้มไม่แพ้กับรัฐมนตรีกลาโหมคนอื่นๆ รวมถึงไม่แพ้กับผู้นำเหล่าทัพที่เป็นทหาร โดยใช้รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์นำขบวนจำนวน 2 คัน และรถปิดท้ายขบวน

เสริมบารมีจาก “ครูบ้านนอก” กลายมาเป็น “บิ๊กทิน” เลือด สีแดงในฐานะคนเสื้อแดงจะยังคงเข้มข้น หรือจืดจางเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือไม่ นั่นคือบทพิสูจน์หลักการของนักการเมือง

Advertisement

เผือกร้อนแรกที่ท้าทายการทำงาน คือ ปัญหาค่าโง่เรือดำน้ำแบบ S26T จากจีนที่ไม่มีเครื่องยนต์ ถือเป็นประเด็นที่พรรคเพื่อไทยกัดไม่ปล่อย เพราะอย่าลืมว่า “ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่วันนี้เป็น ส.ส.สอบตก เคยออกมาไล่บี้ ท้าชนกองทัพสมัยรัฐบาลทหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเฉพาะความไม่โปร่งใสการจัดซื้อจัดจ้าง

โดยในปี 2566 เรือลำแรกที่ซื้อแล้วจะถูกส่งมอบให้กองทัพเรือ ปรากฏว่า เรือไม่มีเครื่องยนต์เพราะตามสัญญาต้องใช้เครื่องยนต์ดีเซลยี่ห้อ MTU เท่านั้น ปรากฏว่าทางเยอรมันไม่ขายให้จีน

มีการเจรจาเปลี่ยนเอาเครื่องยนต์ของจีนมาใส่แทน แต่เกิดเสียงท้วงติงเพราะไทยจะกลายเป็นประเทศแรก เหมือนเป็นหนูทดลองที่จะใส่เครื่องยนต์จากจีนในเรือดำน้ำ อย่าลืมว่าเครื่องยนต์เป็นหัวใจสำคัญ เรืออยู่ใต้น้ำหากเครื่องยนต์เกิดข้อผิดพลาด นั่นหมายถึงความเสี่ยงของชีวิตลูกเรือ

Advertisement

ความชัดเจนของ “บิ๊กทิน” ในประเด็นนี้ ระบุเพียงว่า หลังการถวายสัตย์ฯและรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภาแล้ว จะให้ความชัดเจน ซึ่งมีทางออกอยู่ในใจแล้ว และเป็นทางออกที่ดี

คำว่า ดี คือ 1.กองทัพต้องพอใจ 2.ประชาชนและสังคมรับได้ มีเหตุผลอธิบายได้

แต่สิ่งสำคัญงบประมาณกว่า 7,000 ล้านบาท ที่ไทยจ่ายให้จีนไปแล้วในการต่อเรือดำน้ำลำแรก ซึ่งคือเงินภาษีของประชาชน จะชดเชยกันอย่างไร ซึ่งวันนี้ “สุทิน” ยังปฏิเสธจะให้คำตอบ บอกเพียงว่า “เรื่องนี้ขอดูรายละเอียดเพิ่มเติมและหารือหลายฝ่าย เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ขอประมวลความเห็นทุกฝ่ายก่อน แต่เชื่อว่ามีทางออกที่ดี โดยต้องคุยกับ ผบ.ทร.และคณะ ต้องฟังคนที่เขาจะใช้ด้วย”

ภาษีประชาชนที่ผ่อนจ่ายไปแล้ว 7,000 ล้านบาท ดูเหมือนจีนจะไม่คืนเงินถ้ายกเลิกโครงการ

คำตอบของ “บิ๊กทิน” บอกเพียงว่า มองเห็นทางที่ดีอยู่ คือ กองทัพก็ไม่เสียหาย สังคมก็รับได้ ประเทศชาติก็ไม่เสียประโยชน์

วันนี้เพียงรอคำตอบว่าจะยกเลิก หรือจะเดินหน้า ซึ่งเงินภาษีประชาชน 7 พันล้านบาทจะทำอย่างไรให้ประเทศชาติไม่เสียประโยชน์

หากไปฟังเสียงท้วงติงของ “สุรชาติ บำรุงสุข” นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ระบุว่า “หากสุทินตัดสินใจรับเครื่องยนต์จีนในตำแหน่ง รมว.กลาโหม ก็ต้องรับว่าเป็นการกระทำผิดทีโออาร์ ในข้อสัญญา ไม่มีทีโออาร์ ข้อไหนอนุมัติให้กองทัพเรือ กระทรวงกลาโหมไทย แม้กระทั่งอนุมัติให้ ครม.ไทยทำ หาก ครม.ไทยตัดสินใจเปลี่ยนทีโออาร์ เท่ากับว่าต่อไประบบจัดซื้ออาวุธไทยจะเป็นเรื่องหาผลประโยชน์ได้ง่ายที่สุด เป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์อย่างง่ายๆ อยากได้อะไรก็ส่งให้ ครม. ผ่านกลาโหมบีบ รมว.พลเรือนให้ไปทำ ผมอยากเห็นสุทินกล้าตัดสินใจเอาการเปลี่ยน ทีโออาร์ เข้า ครม. แต่หาก สุทิน ทำอย่างนั้นจะกลายเป็นโบดำชิ้นแรกของสุทิน และจะเป็นโบดำของพรรคเพื่อไทย

“เราซื้ออาวุธไม่ได้ซื้อรถเก๋งเล่นๆ ซื้อรถเก๋งมีปัญหาเอารถไปเปลี่ยนเครื่อง ยกเครื่องใหม่มันก็อธิบายได้ แต่เรือดำน้ำ 1 ลำ มันคือชีวิตของลูกเรือไทย กองทัพเรือต้องมีสติมากกว่านี้ คืนก็คืน ผมไม่อยากพูด ตกลงมันมีอะไรลึกลับใต้โต๊ะ นอกจากใต้น้ำ มันยังมีใต้โต๊ะด้วยไหม ถ้าจากใต้น้ำแล้วยังมีใต้โต๊ะด้วยนั้น ผมว่ากรณีนี้ไม่จบ เรือดำน้ำจะกลายเป็นเรือใต้โต๊ะ”

ประเด็นสำคัญนอกเหนือจากเงิน 7 พันล้านบาท คือ เรื่องค่าโง่ ซึ่งท้าทาย “บิ๊กทิน” ว่ากล้าที่จะหาคำตอบให้กระจ่างด้วยหรือไม่ ว่ามันมีอะไรลึกลับซับซ้อนใต้โต๊ะหรือเปล่า

เพราะนี่คือ ค่าโง่ แค่อย่ามาแกล้งโง่ก็เท่านั้น …

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image