อัศวิน ขอคนกรุงเป็นผู้ว่าฯ กทม.ลั่น! ผุด รพ.ประจำเขต ขจัดคุกคามทางเพศ ส่วย
วันนี้ (20 เมษายน 2565) ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 6 ราย ประกอบด้วย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล หมายเลข 1 นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครอิสระ หมายเลข 3 นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 4 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครอิสระ หมายเลข 6 น.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครอิสระ หมายเลข 7 และ น.ต.ศิธา ทิวารี พรรคไทยสร้างหมายเลข 11 เข้าร่วมประชันวิสัยทัศน์เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.แก้ปัญหาคนกรุง ครั้งที่ 2 หัวข้อ กทม.โรคระบาด เมืองระบม ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า นโยบายแรกด้านสาธารณสุขที่จะทำ เป็นนโยบายที่ทำได้ ทำจริง ทำต่อทันที และบริการอย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ปัจจุบัน กทม. มีโรงพยาบาลในสังกัด จำนวน 11 แห่ง และได้ขยายให้ครบ 4 มุมเมือง ซึ่งได้เปิดบริการไปบ้างแล้ว ที่โรงพยาบาล (รพ.) ผู้สูงอายุบางขุนเทียน รพ.บางนา รพ.ในเขตสะพานสูง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ และอีก 1 แห่ง ที่กำลังหาพื้นที่ นอกจากนี้ จะยกระดับศูนย์บริการสาธารณสุข ทั้ง 69 แห่ง ขยายให้เป็น รพ.ประจำเขต เพื่อที่ประชาชนไม่ต้องเดินทางไกล
ทั้งนี้ พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ตนได้ผลักดันนโยบายในการดูแลผู้สูงอายุ เนื่องจากประเทศเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว และมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นร้อยละ 17-18 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“จึงได้ทำนโยบายดูแลทั้งการลงพื้นที่ให้บริการฉีดวัคซีนถึงบ้าน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง เพื่อให้ทั่วถึง และรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังเคยร่วมกับภาคเอกชน จัดทำศูนย์ฉีดวัคซีนนอก รพ. 25 แห่ง ในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดช่วงแรก มีระบบการส่งยาถึงบ้าน การเจาะเลือดที่บ้าน สำหรับ ผู้สูงอายุ และ กลุ่ม 608 เจาะที่บ้าน ตลอดจนมีแพทย์เฉพาะทาง ใช้เทคโนโลยี เข้ามาให้การบริการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ เป็นต้น” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว
ส่วนการแก้ปัญหาการลดรอยต่อทำงานระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนหรือภาคประชาสังคม ที่จะเข้ามาสนับสนุน พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ในช่วงแรกที่เกิดการระบาดโควิด-19 ได้ประสานภาคเอกชนเข้ามาร่วมกันทำงาน หลายอย่าง ทั้งการจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนนอก รพ. 25 แห่ง จัดทำรถให้บริการหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ กทม. (BKK Mobile Vaccination Unit: BMV) และจุดบริการตรวจโควิด-19 ด้วย ATK
“นอกจากนี้ ยังประสานมูลนิธิจุฬาภรณ์ จัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์แจกให้ประชาชน เนื่องจากช่วงแรกยาฟาวิพิราเวียร์ ไม่เพียงพอ ขณะเดียวกันยังได้ร่วมกับภาคเอกชน ภาคประชาชน จัดทำศูนย์พักคอย รพ.สนาม ที่มีรพ.รัฐและเอกชน เข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งสามารถลดรอยต่อลงไปมาก อย่างไรก็ตาม ขอให้เราทำต่อ ทุกอย่างอยู่ที่การปฏิบัติ ผมเป็นนักปฏิบัติ เป็นนักประสาน และถ้าได้กลับมาใหม่ เชื่อว่าสถานการณ์จะขยับดีขึ้นต่อเนื่อง จึงขอให้มั่นใจ อัศวิน เบอร์ 6” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวย้ำ
นอกจากนี้ พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ส่วนเรื่องที่จะไม่ทำ หากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. คือ ปัญหาส่วย จะมีต่อไปไม่ได้อีกแล้ว แต่การแก้ปัญหา อาจจะไม่เสร็จในวันเดียว
“เหมือนใช้เด็กไปซื้อไอติม กว่าจะมาถึงไอติมเหลือนิดเดียว ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ปัญหาส่วยจะน้อยลงกว่านี้ รวมทั้งเรื่องการคุกคามทางเพศเด็กและสตรี ที่ไม่ใช่มีเพียงแค่เรื่องการข่มขืน แต่มีการคุกคามทางอื่น เช่น สายตา บังคับขืนจิตใจ ซึ่งทุกองค์กรต้องช่วยกัน อย่าให้ปัญหาหมักหมม และในช่วงที่เป็นผู้ว่าฯ กทม. ได้ทำโครงการกลับบ้านปลอดภัยกับเทศกิจ เพื่อความปลอดภัยให้กับประชาชนด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะไม่ทำ คือ ทำอย่างไรไม่ให้ราชการไปเบียดบังรัฐ ซึ่งผมตัวเองไม่ทำอยู่แล้ว เป็นผู้ว่าฯ กทม. มา ก็ไม่มีไปเบียดเบียนรัฐอยู่แล้ว เพราะตอนเด็กแม่ป้อนกล้วยกับข้าว ไม่ได้ป้อนทองคำ จึงไม่ต้องถอนทุน” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว
