รู้จัก ‘ศานนท์’ ว่าที่รองผู้ว่าฯ วัย 33 คนรุ่นใหม่ โปรไฟล์แน่น เคียงข้างคนจนเมือง

รู้จัก ‘ศานนท์’ ว่าที่รองผู้ว่าฯ วัย 33 คนรุ่นใหม่ โปรไฟล์แน่น เคียงข้างคนจนเมือง

คนกรุงเทพฯ เฮแล้ววานนี่ เมื่อ กกต. ก็ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ให้ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นั่งเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนที่ 17 จากคะแนนเสียงเฉียด 1.4 ล้าน

31 พฤษภาคม ผู้ว่าฯกทม. ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกหลังไฟเขียวของ กกต.ว่าจะเปิดตัว 3 ทีมงานในวันนี้ 1 มิถุนายนนี้ โดยจะเดินทางเข้าไปยังสำนักงาน กกต. และศาลาว่าการ กทม. เสาชิงช้าตามลำดับ

1 ใน 4 รองผู้ว่าฯตามโผ คือ ศานนท์ หวังสร้างบุญ คนรุ่นใหม่ที่น่าจับตา ด้วยวัยเพียง 33 ปี ทว่า โปรไฟล์เข้มข้น ต่อสู้เพื่อชุมชน คนจนเมือง เคียงข้างประชาชนรากหญ้าที่ประสบชะตากรรมจากแนวนโยบายภาครัฐ อาทิ ‘ชุมชนป้อมมหากาฬ’ ซึ่งถูกไล่รื้อเมื่อ 4 ปีก่อนเพื่อสร้างสวนสาธารณะ

Advertisement

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีประสบการณ์ร่วมพัฒนาเมืองในฐานะภาคประชาสังคม

ไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง SATARANA (สาธารณะ) เครือข่ายภาคประชาสังคมที่ทำงานเรื่องการพัฒนาเมือง และเป็นหนึ่งในทีมกลุ่มเมล์เดย์ (Mayday) ผู้ออกแบบปรับปรุงป้ายหยุดรถเมล์รูปแบบใหม่ ทั้งยังเป็น
ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Trawell และเจ้าของกิจการ Once Again Hostel ย่านประตูผี และ Luk Hostel ย่านเยาวราช และ Locall.bkk แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ร้านอาหารบริเวณ 3 ย่านเสาชิงช้า-ประตูผี ย่านเยาวราช ย่านนางลิ้นจี่

Advertisement

จบการศึกษาจากภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เคยเป็นอดีตนายกสโมสรนิสิต พ.ศ.2553 เคยเป็นวิศวกรประจำภายในโรงงานประมาณ 5 ปี

สำหรับ Once Again Hostel เกิดจากความสนใจเรื่องการท่องเที่ยวชุมชน มาสู่การชนะเลิศ One Young World ปี 2558

หลังจากเริ่มก่อตั้ง Once again Hostel ได้ประมาณ 6 เดือน เริ่มมีประเด็นการไล่รื้อป้อมมหากาฬ ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน Stakeholder จึงเริ่มทำงานขับเคลื่อนทางสังคมมากขึ้น

ปี 2562 ได้รับรางวัล JUMC STAR 2019 Excellence โดยสมาคมนิสิตเก่าเอ็มบีเอ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นโครงการด้านวิชาการเพื่อมอบรางวัลให้แก่ผู้ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและธุรกิจประเทศในด้านต่างๆ

ศานนท์ หวังสร้างบุญ

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2559 ศานนท์ ให้สัมภาษณ์ ‘มติชน’ เกี่ยวกับความพยายามผลักดัน ‘มหากาฬโมเดล’ เปลี่ยนแปลงป้อมมหากาฬให้เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิต โดยกล่าวว่า ไม่ได้ปฏิเสธที่จะให้ กทม.เข้ามาพัฒนาพื้นที่อยู่แล้ว ถ้าเข้าไปเห็นชุมชน ทุกคนจะเห็นในสิ่งเดียวกันว่ามีศักยภาพ แม้ว่าจะไม่ถึงขนาดที่เป็นสถานที่ดีเลิศแก่การเยี่ยมชม ดังนั้น การที่ กทม.จะปรับปรุงพื้นที่เราไม่เคยปฏิเสธเลย แต่การที่เข้ามาไล่และรื้อบ้านคนทั้งหมดออกมันเป็นวิธีที่พวกผมรู้สึกเสียดาย เสียดายโอกาสในการสร้าง คือเหมือนว่าเรามีของดีอยู่ในมือ ทำไมเราจึงต้องทำลายมันลงไปเพื่อสร้างอะไรไม่รู้ขึ้นมาใหม่

“สิ่งที่เราพยายามพูดกันอยู่เราไม่ได้ช่วยให้คนผิดเป็นถูก เรากำลังบอกให้ทุกคนเคารพกฎหมายเหมือนเดิม แต่ในขณะที่เราเคารพกฎหมาย เราพยายามสร้างสิ่งที่มันดีให้กับทุกคนได้หรือไม่ ดีกับทุกคนหมายถึง 1.เราต้องมองไปที่ศักยภาพของพื้นที่ก่อนที่จะฟันธงว่าพื้นที่นี้ควรที่จะเป็นอะไร ปัจจุบันเราฟันธงมันไปแล้วว่ามันต้องเป็นสวนสาธารณะ แต่คำถามคือ คุณเคยเห็นหรือไม่ว่ามันมีบ้านไม้โบราณกี่หลัง แต่ละหลังมีศักยภาพอย่างไร รวมไปถึงเสน่ห์อะไรในพื้นที่ที่ควรดำรงเอาไว้ 2.ศักยภาพของบุคคล ชุมชน ที่สามารถเป็นคนบอกเล่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์และสามารถทำงานให้กับรัฐได้” ศานนท์กล่าวในวันนั้น

ก่อนเตรียมพร้อมนั่งเก้าอี้ ‘รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร’ ในวันนี้

ย้อนอ่านบทสัมภาษณ์ : 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image