“What has Happened to Me” เรื่องเศร้าของผู้หญิงอุยกูร์ในมังงะ ที่กลายเป็นไวรัลทั่วโลก

อาจเพราะผู้คนทั่วโลกต่างก็อยากรู้ว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?” เลยทำให้มังงะจากญี่ปุ่นเรื่อง “What has Happened to Me” กลายเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดียที่กระจายไปทั่วโลก โดยตั้งแต่ที่โพสต์ลงทวิตเตอร์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จนถึงวันนี้นั้นก็มียอดวิวสูงถึง 2.5 ล้านวิว ยอดรีทวีต 86,000 ครั้ง

เรื่องราวความโศกเศร้า ความทรมานของหญิงสาวชาวอุยกูร์ในมังงะเรื่องนี้ สร้างความสั่นสะเทือนในหัวใจผู้ที่ได้อ่าน ได้พบเห็นผ่านสื่อต่างๆ เป็นโศกนาฏกรรมที่หญิงสาวคนนั้นยืนยันว่าเกิดขึ้นกับเธอและครอบครัวจริงๆ เพียงเพราะเธอ “เกิดเป็นชาวอุยกูร์”เพียงเท่านั้นเอง

จากการรายงานข่าวของ www.theguardian.com เปิดเผยว่า มังงะเรื่องนี้เป็นผลงานของนักเขียนชาวญี่ปุ่น โทโมมิ ชิมิสึ ที่นำเรื่องราวชีวิตของ มิริกุล เทอร์ซัน คุณแม่ลูกแฝดสามชาวอุยกูร์ ซึ่งที่จริงแล้ว เธอแต่งงานและคลอดลูกที่อียิปต์ไม่ใช่จีน แต่เธอเล่าว่าเมื่อเดินทางกลับมายังบ้านเกิด มิริกุลกลับถูกจับกุมตัว กักตัว และทรมานที่จีน ตั้งแต่ปี 2015-2017

Advertisement

แน่นอนว่าทางการจีนออกมาปฏิเสธถึงเหตุการณ์ดังกล่าว และกล่าวหาว่าเธอแต่งเรื่องขึ้นมา

กระแสไวรัลของ “What has Happened to Me” เกิดขึ้นพร้อมกับความโกรธที่กระจายอยู่ทั่วโลก เป็นความโกรธที่ไต่ระดับเพิ่มขึ้นจากการได้รับรู้เบื้องหลังของปฏิบัติการปราบปราบชาวอุยกูร์ของจีน โดยชาวอุยกูร์เป็นกลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีนมาเป็นเวลานานนับศตวรรษ มีวัฒนธรรมของตนเอง มีศาสนาที่นับถือ ชาวอุยกูร์ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งเป็นเขตชายแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือ

เมื่อเดือนที่แล้วมีเอกสารลับที่ถูกเปิดเผยออกมาทั่วโลก ว่าด้วยปฏิบัติการการปราบปรามและกำราบชนกลุ่มน้อย ทั้งในแง่ของการใช้ความรุนแรง และแทรกซึมระดับล้างสมองเปลี่ยนวัฒนธรรม ข้อมูลที่รั่วไหลออกมากลายเป็นหลักฐานใหม่เกี่ยวกับค่ายกักกันโดยคาดว่าผู้คนราว 1 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมอุยกูร์ ถูกควบคุมตัวโดยไม่มีการไต่สวน

Advertisement

ทางการจีนปฏิเสธเอกสารและหลักฐานทั้งหมด ในฐานะของเฟคนิวส์

โทโมมิ ชิมิสึ สนใจเรื่องของชาวอุยกูร์มาระยะหนึ่งแล้ว เธอทำความรู้จักและศึกษาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนจากชุมชนชาวอุยกูร์ในประเทศญี่ปุ่น และเขียนการ์ตูนเรื่องแรกชื่อ No One Says the Country’s Name ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่วน What has Happened to Me คือเรื่องที่ 2 โดยที่ก็ไม่ได้รู้จักกับ มิริกุล เทอร์ซันเป็นการส่วนตัว แต่รู้จักเรื่องราวของเธอผ่านสารคดี ที่สร้างมาจากเรื่องราวที่เธอเล่า ณ สมาคมผู้สื่อข่าวแห่งชาติ (National Press Club) กรุงวอชิงตัน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018

มิริกุล เทอร์ซัน เป็นคุณแม่ลูก 4 เธอมีลูกชายคนโต 1  คน และฝาแฝดอีก 3 คน เธอแต่งงานและคลอดลูกที่อียิปต์ สาเหตุที่เธอกลับมาจีนก็เพราะอยากจะให้หลานๆ ได้มาเยี่ยมคุณตาคุณยายของพวกเขา แต่ทันทีที่เธออยู่ในสนามบินเมืองอุรุมชี เธอก็ถูกจับทันที ผู้ที่จับกุมเธอแยกลูกๆ ของเธอไป และนำกระสอบมาคลุมหัวเธอไว้พร้อมใส่กุญแจมือ

เธอเล่าว่าถูกคุมขังและสอบปากคำด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้า ก่อนจะถูกปล่อยตัว และก็ถูกจับอีกครั้ง คราวนี้ถูกขังในคุกของค่ายกักกันตัวชาวอุยกูร์ การถูกเฆี่ยนตีจนสลบ การร้องเพลงสรรเสริญประธานพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน กลายเป็นกิจวัตรประจำวัน สุดท้ายเธอได้รับการปล่อยตัว เพราะลูกๆ ของเธอมีสัญชาติอียิปต์

แต่ลูกชายคนโตของเธอ ได้ตายไปแล้วในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ขณะที่เธอถูกขัง

มิริกุล เทอร์ซันรีบพาลูกบินกลับอียิปต์ แต่โชคชะตาช่างเล่นตลก เมื่อถึงอียิปต์กลับได้รู้ว่าสามีของเธอเดินทางมาตามหาเธอที่จีน และถูกขังคุกด้วยโทษ 16 ปี เธอตัดสินใจของลี้ภัยไปอเมริกา

โทโมมิ ชิมิสึโพสต์มังงะเรื่องนี้ลงทวิตเตอร์ตั้งแต่เดือนสิงหาคม นอกจากความนิยมที่ปรากฏชัดในเชิงตัวเลขแล้ว ยังถูกแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั้งอังกฤษ จีน และอุยกูร์

ชิมิสึบอกกับสำนักข่าวเกียวโด ถึงสาเหตุที่เธอสนใจชีวิตของชาวอุยกูร์ว่า เป็นเพราะ “ถึงแม้ (จีน) จะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่มีใครรู้ การเล่าถึงพวกเขาให้ทุกคนได้รู้ผ่านมังงะ คือภารกิจของฉัน” ชิมิสึกล่าว

……………..

สิรนันท์ ห่อหุ้ม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image