เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บริษัทสถาพรบุ๊คส์ จำกัด มีการจัดงานเปิดตัวนวนิยายชุด “รักห่มฟ้า” ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 21 โดยเป็นนวนิยาย 5 เล่ม ได้แก่ พระจันทร์กลางใจ โดย ญนันทร, ใต้แสงดารา โดยซ่อนกลิ่น, ฟ้าล้อมทราย โดยคณิตยา, พรายแสนดาว โดยกรรัมภา และพราวเวหา โดยลัลล์ลลิล
นายวรพันธ์ โลกิตสถาพร ผู้บริหารบริษัทสถาพรบุ๊คส์ จำกัด กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสดีที่สถาพรบุ๊คส์ ได้นำเนอเสนอนวนิยายอีกชุดหนึ่ง ซึ่งต้องขอบคุณโครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาที่ให้การสนับสนุน ขอบคุณกระทรวงยติธรรม และหน่วยงานต่างๆ แม้เป็นนิยายรัก แต่มีความสมเหตุสมผล เข้าถึงได้ สิ่งที่คาดหวังคือการสร้างนวนิยายดีๆ ที่ไม่ใช่แค่ความสนุก แต่ยังมีสาระ หวังว่าการเล่าเรื่องผ่านนิยายจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางความคิดของคน และสร้างสังคมที่ดีงาม
“เราพบข่าวหน้าหนึ่งทุกวันเรื่องยาเสพติด สิ่งที่พบคือ ผู้ต้องขังในคุกบ้านเรามากกว่าครึ่งมาจากยาเสพติด สะท้อนปัญหาที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าหากสร้างนวนิยายดีๆได้จะทำให้ชาวบ้านร่วมกันป้องกัน” นายวรพันธ์กล่าว
จากนั้น เป็นการแสดงชุด “เมื่อรักห่มฟ้า” และการพูดคุยกับ “บุคคลต้นแบบ” ในนวนิยาย ได้แก่ นักการทูต พนักงานคุมประพฤติ และอัยการ เป็นต้น ดำเนินรายการโดย พนิตนาฏ ฉัตรวิไล
พัชรมณฑ์ ศิริวัฒนา นักการทูตชำนาญการ กองการสังคม กรมองค์การระหว่างประเทศ กล่าวว่า รู้สึกดีใจชีวิตนักการทูตได้รับการถ่ายทอดในเรื่อง “ฟ้าล้อมทราย” ซึ่งต่างจากเรื่องอื่นที่เคยพูดถึงอาชีพนี้ เนื่องจากเล่าถึงเวทีการทำงานระหว่างประเทศ และยังเป็นนักการทูตหญิงซึ่งอาจจะยังไม่มีเรื่องอื่นพูดถึง เนื้อหาทันสมัย จับต้องได้ มีทั้งความบันเทิงและสาระ ขอชื่นชมนักเขียนคือ คุณคณิตยา ที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้สมจริงมาก
“ตอนที่คุณคณิตยามาสัมภาษณ์ ได้ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานที่ทำ ซึ่งตัวเองเคยประจำการเป็นเลขานุการเอกที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา มีภารกิจหลากหลาย เช่น ส่งเสริมความสัมพันธ์ และภารกิจการทูตพหุภาคี เนื่องจากเวียนนาเป็นที่ตั้งสำนักงานสหประชาชาติ รับผิดชอบประเด็นยาเสพติดและอาชญากรรม คนภายนอกอาจคิดว่า สบาย มีหน้ามีตา แต่งตัวสวย เรื่องฟ้าล้อมทรายได้สะท้อนภาพในชีวิตจริง ว่าจริงๆแล้วก็เหมือนสายอาชีพอื่น ซึ่งมีงานประจำวัน แต่ผู้ร่วมงานมักเป็นชาวต่างชาติ ทำให้เห็นความสำคัญของการพัฒนาที่ส่งผลถึงประชาชน ต้องใช้ทักษะในการโน้มน้าว” พัชรมณฑ์กล่าว
พรประภา แกล้วกล้า จากกรมคุมประพฤติ กล่าวว่า สิ่งที่ทำอยู่คือ พนักงานคุมประพฤติ ต้องดูแลผู้ต้องขังตั้งแต่ก่อนเข้าคุก และเมื่อออกนอกคุกก็ยังต้องดูแลต่อ แต่ละปีดูแลคนเป็นล้าน เป็นงานที่ภาคภูมิใจ เพราะได้ช่วยสังคม งานนี้เหมือนเป็นคุกนอกเรือนจำ เราต้องเคียงข้างเขาขณะอยู่ในสังคม ขอบคุณที่นำชีวิตพนักงานคุมประพฤติเป็นพระเอกสักครั้งหนึ่ง
ร.ต.ท. หญิง จิตติมา กำธรวิวรรธ์ อัยการฝ่ายคดียาเสพติดจากสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ตนรู้สึกปลื้มใจมากที่อาชีพอัยการได้รับการถ่ายทอดในเรื่อง “พราวเวหา” ที่ผ่านมานวนิยายที่กล่าวถึงอัยการไม่เคยลงลึกถึงรายละเอียดของระบบการคิด อีกทั้งตัวแสดงมักเป็นผู้ชาย แต่ชีวิตจริงอัยการผู้หญิงเยอะ และสวยด้วย ไม่ได้มีแต่ผู้ชายตามที่สังคมเข้าใจ นอกจากนี้ ยังสามารถทำงานต่อสู้เพื่อความยุติธรรมได้
นางสาว เจติยา โลกิตสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัทสถาพรบุ๊คส์ จำกัด กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ร่วมงานกับโครงการกำลังใจมาหลายปีด้วยการจัดทำมุมห้องสมุดให้ผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำหลายจังหวัด ปีนี้ได้รับโอกาสในการสร้างนวนิยายสะท้อนปัญหาสังคม โดยเฉพาะยาเสพติด ถือเป็นความภูมิใจของสำนักพิมพ์และนักเขียน
“ญนันทร” ผู้เขียนเรื่องพระจันทร์กลางใจ กล่าวว่า ตัวเองเรื่องนี้เป็นอดีตผู้ต้องขัง ซึ่งตนอยากให้เห็นอีกมุมของตัวละคร ว่าเมื่อออกมาสู่สังคมต้องเผชิญแรงเสียดทานต้องต่อสู้อย่างไร มีการเสริมสร้างทัศนคติที่ดีต่อผู้ต้องขัง ซึ่งต้องมีคนให้โอกาส ให้กำลังใจ จากพระจันทร์หลังเมฆ กลายเป็นพระจันทร์กลางใจที่สว่างสดใส
“ซ่อนกลิ่น” ผู้เขียนเรื่องใต้แสงดารา กล่าวว่า พระเอกเป็นผู้มีจิตสาธารณะ คือ ผู้คุมประพฤติ เข้าใจผู้ต้องขังว่ามีปัญหาอะไร ทำไมจึงกระทำผิด ตนมีโอกาสเข้าไปทำกิจกรรมพูดให้กำลังใจผู้ต้องขังในห้องสมุด และได้ไปหาข้อมูลที่เชียงราย ซึ่งมีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้ต้องขังในกรณีเดียวกับนางเอกในเรื่อง ได้ถามความรู้สึกเมื่อโดนจับกุม ตนได้เห็นแววตาผู้หญิงที่ยอมรับผิด เพราะยอมทำทุกอย่างด้วยความรัก
“ลัลล์ลลิล” ผู้เขียนเรื่องพราวเวหา กล่าวว่า นวนิยายเรื่องนี้มีตัวเอกเป็นอัยการ ซึ่งตนเรียนจบด้านกฎหมาย จึงมีพื้นฐาน เวลาไปคุยกับอัยการ ผู้พิพากษา ทนาย คุยภาษาเดียวกัน มีภาษาเฉพาะ เวลาเขียนในนวนิยายต้องพยายามย่อยให้เข้าใจง่าย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีแค่เรื่องกฎหมายอย่างเดียว แต่มีสายลับ และการปฏิบัติของทหาร ซึ่งตนไม่มีความรู้เรื่องอาวุธเลย ซึ่งต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมด้วย
“กรรัมภา” ผู้เขียนเรื่อง “พรายแสนดาว” กล่าวว่า นวนิยายของตนเป็นเรื่องการใช้ศาสตร์พระราชาพัฒนาพื้นที่สุ่มเสี่ยง ได้นำเสนอเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงที่ไม่ใช่แค่การปลูกผัก สิ่งที่ยากอีกอย่างหนึ่งคือ ทั้ง 5 เรื่อง มีการใช้ตัวละครร่วมกัน ดังนั้น ทุกคนจะส่งเรื่องให้ผู้เขียนแต่ละคนอ่าน เพื่อให้บุคลิกตรงกัน
“คณิตยา” ผู้เขียนเรื่องฟ้าล้อมทราย กล่าวว่า โจทย์ตัวเอง คือบทบาทการทูตที่สะท้อนศาสตร์พระราชาในเวทีนานาชาติ ซึ่งต้องต่อสู้ การจะกระทำได้สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นอาชีพที่ต้องมีไหวพริบ เสียสละ สะท้อนความเหนื่อยยาก โดยถ่ายทอดตั้งแต่ต้นทาง ถึงปลายทาง คือตั้งแต่ในไทยถึงนานาชาติ ทั้งยังต้องย่อยข้อมูลดิบมาสู่ความบันเทิง การได้เป็นส่วนหนึ่งของงานครั้งนี้ ถือเป็นเกียรติประวัติของตัวเอง เป็นความภาคภูมิใจของชีวิต
สำหรับผู้สนใจนวนิยายชุด รักห่มฟ้า สามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำ รวมถึงในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ บูธ สถาพรบุ๊คส์
