เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นายประพันธุ์ คูณมี อดีตแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ระบอบทักษิณ=เผด็จการ+เผด็จโกง
ช่วงเวลานี้ พี่น้องประชาชนคงได้ยินได้ฟังวาทกรรมทางการเมือง จากกลุ่มและพรรคการเมือง ปีกฝ่าย “ระบอบทักษิณ” และสมุนบริวารของพวกเขา ช่วยกันเร่งโหมกระพือผลิตวาทกรรมทางการเมืองออกมามากมาย เป็นระยะๆ เพื่อมาบิดเบือนข้อเท็จจริงมอมเมาประชาชน สร้างความชอบธรรมให้พวกตน และหลอกลวงคนรุ่นใหม่ที่ไร้เดียงสา ขาดประสบการณ์ทางการเมือง แต่เหย่อหยิ่งทะนงตน ประเภททำตนอยู่ในก้นบ่อ มองเห็นท้องฟ้ากว้างเพียงแค่ปากบ่อ ก็หลงรักฟ้าเสียแล้ว โดยมิรู้ว่าฟ้าในความเป็นจริงยังกว้างขวาง สวยงามกว่าท้องฟ้าที่มองเห็นเพียงแค่ปากบ่อยิ่งนัก
วาทกรรม “ฝ่ายประชาธิปไตย” กับ “ฝ่ายเผด็จการ” เป็นทั้งการหลอกลวงและบิดเบือนความจริง เพราะโดยความจริงทุกคนทุกพรรคการเมือง ที่เข้าร่วมการเลือกตั้งครั้งนี้ อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่ได้ผ่านการลงประชามติของประชาชนแล้วด้วยกันทุกคน ทุกพรรค ไม่ว่าประชาชนจะใช้สิทธิเลือกบุคคลใดพรรคใด ย่อมเป็นการใช้สิทธิเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยทั้งสิ้น แม้กระทั่งการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา โดยการเลือกตั้งและคัดสรรตามรัฐธรรมนูญ ย่อมถือว่าวุฒิสมาชิกมาโดยฉันทานุมัติของประชาชน ที่ได้ลงประชามติให้เป็นไปตามหลักการนี้ วุฒิสมาชิกเหล่านั้นย่อมถือว่า มาจากประชาชนเช่นกัน การกล่าวอ้างว่าถ้าเลือกพวกตน พรรคของสมุนระบอบทักษิณ จึงจะถือว่าเป็นประชาธิปไตย เลือกบุคคลอื่นพรรคอื่นเป็นฝ่ายเผด็จการนั้น ย่อมเป็นการกล่าวอ้างที่บิดเบือนข้อเท็จจริงที่ไร้ยางอาย เป็นการไม่เคารพสิทธิของประชาชน เป็นการใช้ตรรกะและปรัชญาแห่งความชั่วร้ายต่ำทรามทางการเมือง เป็นการเมืองที่สามานย์และเป็นการแบ่งแยก สร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน อันเป็นพฤติการณ์ที่ถนัดของสมุนระบอบทักษิณ ที่เคยสร้างปัญหาป่วนเมือง สร้างความแตกแยกในสังคม เผาประเทศตนเองมาแล้วนั่นเอง ประชาชนทั้งหลายจำต้องรู้เท่าทันเล่ห์เพทุบายของพวกเขา สื่อมวลชนทั้งหลายจึงไม่ควรเผยแพร่ข้อความหรือวาทกรรมดังกล่าว หากจงใจใช้ถ้อยคำดังกล่าวในการรายงานและนำเสนอข่าวสารต่อประชาชน ย่อมถือว่ามีเจตนาบิดเบือนและยอมตนเป็นเครื่องมือแก่ระบอบทักษิณด้วยเช่นกัน และเป็นผู้มีส่วนร่วมกระทำหรือสนับสนุน ให้มีการกระทำอันเป็นการแบ่งแยกแบ่งฝ่าย สร้างความเกลียดชังระหว่างประชาชนในสังคมด้วยเช่นกัน
หากจะกล่าวกันอย่างตรงไปตรงมา ในรอบ 10 กว่าปีมานี้ คงไม่มีระบอบการเมืองใดที่ชั่วร้ายเลวทรามยิ่งไปกว่า “ระบอบทักษิณ” เพราะเนื้อแท้ของการเมืองระบอบนี้ เป็นทั้ง “เผด็จการ+เผด็จโกง” ปล้นประชาธิปไตยประชาชน และปล้นประเทศชาติ เผาทำลายบ้านเมือง สร้างความขัดแย้งแตกแยกในหมู่ประชาชน ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ และหลอกใช้เป็นเหยื่อเพื่อต่อต้านประชาชนด้วยกัน เพื่อแบ่งแยกและปกครองอำนาจจากระบอบทักษิณ แทรกแซงศาล ครอบงำองค์กรอิสระ ทำลายกระบวนการยุติธรรม ใช้อำนาจรัฐป่าเถื่อนสังหารเข่นฆ่าประชาชน ในสงครามปราบยาเสพติดถึง 2,500 ศพ โดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม
อันเป็นการกระทำเยี่ยงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ก่ออาชญากรรมร้ายแรงต่อมนุษยชาติของตน นอกจากนี้ ระบบรัฐสภาก็เป็นเพียงตรายาง ส.ส.เป็นเพียงลูกจ้างของพรรค ส.ว.ถูกครอบงำบงการด้วยอำนาจเงินและอิทธิพลการเมืองของผู้กุมอำนาจรัฐ บ้านเมืองไร้ความสงบสุข มีการทุจริตคอร์รัปชั่นมากมาย อำนาจและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจทุกอย่างอยู่ในกำมือของคนในระบอบทักษิณ ด้วยนโยบายผลประโยชน์ทับซ้อน สร้างความร่ำรวยจนผิดปกติ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ต้องวิ่งเต้นเข้าสวามิภักดิ์และยอมตนรับใช้เป็นสมุนบริวารพวกเขาเท่านั้น จึงได้รับการแต่งตั้ง บางคนยอมตนแม้ทำผิดกฎหมาย จนที่สุดต้องติดคุกตะรางอย่างที่เห็นมานับไม่ถ้วน ระบอบการเมืองเช่นนี้ต่างหาก ที่เป็นเผด็จการและอันตรายน่ากลัว มิใช่การเมืองอย่างที่เห็นและเป็นอยู่ขณะนี้
หากจะให้เลือกฝ่าย ผมขออยู่ฝ่ายที่เห็นแก่ประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ไม่ทุจริตคดโกงประเทศชาติ ไม่ปล้นสิทธิเสรีภาพของประชาชน ปกครองบ้านเมืองให้มีความสงบสุข พาสังคมและประเทศชาติก้าวเดินไปข้างหน้า ดีกว่าจมปลักอยู่กับปัญหาทางการเมืองที่เลวร้ายในอดีต ที่สำคัญที่สุด ผมขออยู่กับ “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” มิใช่ระบอบประชาธิปไตยที่ทักษิณและสมุนบริวารเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ผมจะไม่ยอมรับพวกอ้างประชาธิปไตยบังหน้า ที่เนื้อแท้เผด็จการ และต้องการฟื้นการเมืองสามานย์ของระบอบทักษิณ ที่เคยสร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองให้กลับมาอีกครั้ง จึงหวังว่ากบในก้นบ่อทั้งหลายคงจะได้กระโดดขึ้นมายืนบนปากบ่อ ค่อยมองฟ้าก่อนจะรัก
หลังจากที่ผมได้เขียนเรื่อง “หยุด!การสืบทอดอำนาจของระบอบทักษิณ” และได้มีการเผยแพร่ในสื่อและแชร์ไปในสังคมโซเชียลอย่างกว้างขวาง ก็ได้ปรากฏเสียงตอบรับเห็นด้วยจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็เหมือนน้ำกรดที่ราดลงบนแผลของบรรดาสมุนบริวารทักษิณ รวมถึงบรรดาสาวกประเภทกบในก้นบ่อ ของพวกที่อ้างตนว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ถ่อยและสามานย์กว่า ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นถ่อยๆของตน สร้างมลภาวะในโลกโซเชียลไปทั่ว พวกเขาทำเป็นปัญญาอ่อน ความจำเสื่อม ไม่รู้ว่าอะไรคือระบอบทักษิณ บ้างก็ว่าทักษิณหนีไป 10 ปี แล้วมาเกี่ยวอะไร พรรคที่พวกเขาสนับสนุนได้รับเลือกตั้งมาทำไมมึงไม่ยอมรับ พวกสลิ่มเสื้อเหลืองพูดแผ่นเสียงตกร่อง และอะไรอีกสารพัดที่แสดงออกมาซึ่งความถ่อยสถุลและต่ำทราม ที่มิอาจคัดมานำเสนอได้ ซึ่งล้วนเป็นความเห็นแบบไร้เหตุผลที่จะตอบโต้และอธิบาย แย้งข้อเขียนและความคิดเห็นของผม แบบบุคคลผู้ใช้ปัญญา พฤติกรรมของพวกเขาเหล่านั้น ทำประหนึ่งว่าคนอื่นคงจะโง่กินหญ้าเหมือนตน มีใครไม่รู้ว่าทักษิณยังบงการพรรคการเมืองในกำกับของเขาอยู่ มีใครตาบอดไม่เห็นทักษิณส่งเสียงแหกปากข้ามประเทศว่า พรรคของเขาจะต้องชนะเลือกตั้ง ด่าไล่ส่งพวกที่ตีจาก และมีใครไม่รู้ว่าการเสนอชื่อบุคคลสำคัญเป็นนายกฯในบัญชีรายชื่อพรรคไทยรักษาชาติจนถูกยุบ เป็นฝีมือการดำเนินการของใคร และมีใครไม่รู้บ้างว่าการเผาบ้านเผาเมืองใครบงการ การทุจริตคอร์รัปชั่นทั้งหลายในบ้านเมือง และพฤติกรรมชั่วร้ายทางการเมืองทั้งหลาย เกิดขึ้นจากระบอบการปกครองของใคร และพรรคการเมืองใดประกาศจะพาทักษิณกลับบ้าน และรื้อร้างกระบวนการยุติธรรม ล้างมลทินให้ทักษิณ ต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครองประเทศไทยใหม่ มีเพียงคนที่ไร้เดียงสา พวกกบในก้นบ่อ หรือพวกเจตนาปิดตางมงายอยู่กับระบอบทักษิณเท่านั้น ที่มองไม่เห็นหรือแกล้งโง่ ดักดาน ที่พยายามจะปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ ประชาชนผู้รักชาติรักความเป็นธรรม ต่างรู้เช่นเห็นชาติชัดแจ้งยิ่งกว่าแสงตะวัน
พี่น้องประชาชนผู้รักชาติบ้านเมือง และพี่น้องเยาวชนคนรุ่นใหม่ (จริง) ที่มีวุฒิภาวะ พิจารณาปัญหาบ้านเมืองด้วยปัญญา โดยปราศจากอคติงมงาย จึงไม่ควรตกหลุมดำทางความคิดของพวกเผาเมือง หลงเชื่อวาทกรรมทางการเมืองที่เลวร้าย ของบรรดาพรรคการเมือง นักการเมืองที่เคยสร้างความหายนะแก่ชาติบ้านเมืองของเรามาแล้ว เราจำต้องสามัคคีกัน จับมือกัน ป้องกันมิให้ “ระบอบทักษิณ” ฟื้นชีพ โดยอาศัยพรรคการเมืองของเขาเป็นเครื่องมืออีกต่อไป และต้องยืนหยัดต่อสู้จนถึงที่สุด จนกว่ามันจะพินาศสิ้นซากไปจากสังคมไทย
ด้วยจิตคารวะ
ประพันธ์ุ คูณมี. / 28 มีค 62
