สสส. เสวนาหนุนสิทธิเด็กปกป้องเยาวชนจากความรุนแรงในครอบครัว

เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชน จากปัจจัยเสี่ยงทางสังคมที่กระทบต่อการเติบโตของเด็ก รวมถึงสร้างความตระหนักถึงสิทธิของพวกเขาสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จับมือกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และ มูลนิธิเด็ก เยาวชนและครอบครัว จัดเสวนาหัวข้อ ‘ความรุนแรงในครอบครัวกับอนาคตเด็กไทย…ที่ขาดแคลนการลงทุน’ เสริมแกร่งความรู้ความเข้าใจด้านสิทธิเด็กให้แก่ผู้ใหญ่ในสังคม 

นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. ได้สะท้อนปัญหาเชิงรุกที่กระทบต่อเด็กและเยาวชนไทยว่า 2 ใน 3 ของโรคที่เกิดขึ้นในปัจจุบันล้วนมาจากปัจจัยทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งหากสิ่งแวดล้อมไม่ดี ก็ส่งผลให้เด็กลองในสิ่งที่ไม่ควร ไม่ว่าจะเป็น ติดการพนัน การสูบบุหรี่ การใช้ยาเสพติด ไปจนถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดูจากผลสำรวจการดื่มแอลกอฮอล์ในเด็กเยาวชนอายุ 15 – 24 ปี ระหว่างปี 2547 – 2558 พบอัตราการดื่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 23.5 – 29.5% และแม้ปี 2564 ตัวเลขจะลดเหลือ 20.9% หรือราว 1.9 ล้านคน แต่ในข้อมูลยังพบผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการดื่มแล้วขับทุกกลุ่มอายุสูงถึง 34.05% และในกลุ่มอายุต่ำกว่า 20 ปีถึง 16.75% นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบกับความรุนแรงในครอบครัว

ADVERTISMENT

  “ฉะนั้นผู้ใหญ่ในสังคมจึงมีหน้าที่จัดสรรสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้เด็กมีสิทธิในการเลือกใช้ชีวิตของตนเองแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานการมีทางเลือก สสส. ในฐานะองค์กรที่สนับสนุนให้เด็กและเยาวชนไทยไม่ว่าอยู่ในสถานะไหนได้พัฒนาทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิต จึงมอบชุดสื่อรณรงค์ในรูปแบบต่างๆ ให้กับบ้านพักเด็กและครอบครัวทุกจังหวัด เพื่อที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสาร เรียนรู้ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องสิทธิ” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน พม. เสริมว่า จากข้อมูลของศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ผ่าน Hotline 1300 หน่วยงานกลางในการเร่งรัด จัดการ ติดตามการให้ความช่วยเหลือคุ้มครองสวัสดิภาพประชาชน และกลุ่มเป้าหมายผู้ประสบปัญหาทางสังคม พบว่า ในปี 2567 มีผู้ขอรับความช่วยเหลือเป็นจำนวน 188,000 ราย ซึ่ง 12.4% เป็นเรื่องปัญหาเด็กและเยาวชน โดยมีประมาณ 26,000 ราย

ADVERTISMENT

 “น่าสนใจคือ ปัญหาเรื่องความรุนแรงเป็น 1 ใน 5 ของปัญหาที่ขอรับความช่วยเหลือมากที่สุด จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้ใหญ่ในสังคมตระหนักถึงความสำคัญและผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความรุนแรงในครอบครัวแล้ว ยังนับเป็นปีแห่งโอกาสของเด็กทุกคนที่จะได้เรียนรู้และปรับตัว พร้อมที่จะมีทางเลือกในชีวิตให้อนาคตของตนเองด้วย” นางอภิญญา กล่าว ด้าน นายภานุเดช สืบเพ็ง ตัวแทนเยาวชนที่เคยเผชิญปัญหาความรุนแรงในครอบครัว เล่าเรื่องราวของตนเองให้ฟังว่า ชีวิตวัยเด็กของตนนั้นไม่เหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ เพราะพ่อติดเหล้าและชอบทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว ทำให้แม่ทนไม่ได้จึงแยกทางกัน ส่วนตนเองและน้องๆ หนีออกจากบ้านมาเร่ร่อนในกรุงเทพฯ นอนวัดบ้าง ที่สาธารณะบ้าง จนมีคนแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับ และพาตนกับพี่ น้องแยกส่งไปอยู่ที่มูลนิธิต่างๆ

 “ตั้งแต่นั้นมาผมก็ใช้ชีวิตอยู่ที่มูลนิธิมาโดยตลอด หลังจากเรียนจบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ ผมก็ใช้ความรู้ความสามารถช่วยเหลืองานมูลนิธิดังกล่าวได้บ้างจนถึงวันที่มูลนิธิปิดตัวลง ปัจจุบันยังไม่ถือว่าประสบความสำเร็จมากมาย แต่อย่างน้อยได้มีงานทำ พึ่งพาตนเองได้ ไม่เป็นภาระแก่สังคมและประเทศชาติ” นายภานุเดช ปิดท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image