“คิง เพาเวอร์”นำดิวตี้ฟรีบูมเศรษฐกิจปลายปี’60 ชูพลังไทยดึงทั่วโลกร่วมThe Trinity Forum 2017

“กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” ผู้บุกเบิกดำเนินธุรกิจร้านค้าปลอดอากร ผนึกทอท.และภาคีพันธมิตรระดับประเทศ นานาชาติ ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดประชุม “The Trinity Forum 2017 The Global Airports Commercial Revenues Conference”  1-3 พฤศจิกายน 2560 เปิดประตูเศรษฐกิจไทยหนุนเครือข่ายอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องการบิน นำเทรนด์ใหม่พัฒนาสนามบินเชิงพาณิชย์

“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่าพร้อมจะเดินหน้า “KING POWER THAI POWER : พลังคนไทย” ร่วมกับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.”  และหน่วยงานระดับนานาชาติ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี  “The Trinity Forum 2017   The Global Airports Commercial Revenues Conference”  ระหว่างวันที่ 1 – 3 พฤศจิกายน 2560 ณ โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ – รางน้ำ

โดยได้รวมพลังความร่วมมือระดับประเทศและนานาชาติ นำนักธุรกิจแถวหน้าของวงการร้านค้าปลอดอากร (duty free) จากทั่วโลกกว่า 400 คน เข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ด้านต่าง ๆ ในเชิงพาณิชย์ เพื่อบูรณาการประโยชน์เชิงรุกในการพัฒนาธุรกิจดิวตี้ฟรีของไทยและนำเทคโนโลยีทางการค้าเข้ามาพัฒนาการเติบโตอย่างเข้มแข็งในเวทีโลก ทั้งทางด้านการจำหน่ายและการสร้างรายได้เข้าประเทศ เตรียมความพร้อมก้าวขึ้นผู้นำรายได้จากการจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรีติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลกในภายในทศวรรษหน้า

สำหรับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และเจ้าภาพร่วมจัดการสัมมนาครั้งนี้มีมั่นใจในเวทีการประชุมสัมมนาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในหลายมิติต่อผู้เข้าร่วมงานและธุรกิจอุตสาหกรรมการบินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการท่าอากาศยานของโลกที่จะนำไปพัฒนาการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น

Advertisement

รวมทั้งประเทศไทยจะได้มีโอกาสสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้านักเดินทางและนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก เพิ่มแรงบันดาลใจในการเดินทางและการท่องเที่ยว ที่จะได้สัมผัสวิถีไทยที่น่าค้นหาในประสบการณ์แปลกใหม่ ประการสำคัญจะก่อให้เกิดการสะพัดของรายได้กระจายสู่ธุรกิจต่างๆ ที่ประกอบกิจการอยู่ในท่าอากาศยานไทย อีกทั้งยังเป็นการสร้างการรับรู้ ความตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ และความพร้อมของผู้ประกอบการที่จะต้องปรับปรุงพัฒนากลยุทธ์ให้บริการแก่ลูกค้าคนไทยและทั่วโลกต่อไป

“ดร.นิตินัย ศิริสมรรถการ” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “The Trinity Forum 2017   The Global Airports Commercial Revenues Conference”  ทอท.เป็นเจ้าภาพร่วมกับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์  ระดมแต่ละกลุ่มที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน โดยจะมีทั้งผู้นำร้านค้าบริการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยานชั้นนำต่างๆ ของโลก ผู้บริหารในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องทางด้านการบินและกิจการท่าอากาศยาน

Advertisement

ประกอบด้วย ผู้บริหารท่าอากาศยานชั้นนำต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของ ผู้บริหาร ผู้จำหน่ายสินค้า Brand Names ชั้นนำในระดับสากล และกลุ่มผู้ประกอบกิจการค้าปลีกที่เกี่ยวเนื่องกับการเดินทางท่องเที่ยว (Travel Retail) รวมถึงร้านค้าปลอดอากร มีโอกาสเข้ามาใช้เวทีการประชุมครั้งนี้ร่วมถ่ายทอดความรู้และแบ่งปันประสบการณ์การพัฒนาธุรกิจยุคอนาคต

พร้อมทั้งการแลกเปลี่ยนเทรนด์ความต้องการของลูกค้าที่จะเป็นประโยชน์ต่อวงการธุรกิจอุตสาหกรรมการบินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการท่าอากาศยานและตอบสนองความต้องการของนักเดินทางและท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางผ่านเข้าออกประเทศไทย

การจัดประชุม “The Trinity Forum 2017   The Global Airports Commercial Revenues Conference” ระหว่างวันที่ 1-3พฤศจิกายน 2560  เจ้าภาพหลัก ๆ นอกจาก บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ทอท.แล้ว ยังมี ACI World, ACI Asia-Pacifi และนิตยสาร The Moodie Davitt Report เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดประชุมในหัวข้อ “How does airport retail remain relevant in a Changing world ?

ทั้งนี้เพื่อร่วมนำประเทศไทยก้าวเข้าสู่ความเป็น The Global Airport Commercial Revenue Conference โดยสามารถใช้ประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนความรู้ไปพัฒนาปรับปรุงการสื่อสารและความเข้าใจระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่จะรวมพลังกันสร้างสรรประโยชน์ สนับสนุนการแบ่งปันแนวคิดทางนวัตกรรมระหว่างกัน ประการสำคัญการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนผลักดันการดำเนินงาน การประเมินสถานการณ์แนวโน้มที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ของธุรกิจการบินในอนาคตของ 3 กลุ่มสำคัญหลัก ๆ ได้แก่

กลุ่มที่ 1 ผู้ดำเนินการและบริหารท่าอากาศยาน (Airports) กลุ่มที่ 2 ผู้ได้รับสิทธิสัมปทาน (concessionaires) กลุ่มที่ 3 ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าชั้นนำ (Brands) เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ประโยชน์สูงสุดแก่นักเดินทาง นักท่องเที่ยว

สอดคล้องกับการเดินหน้าประเทศไทย ตามนโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับอนุมัติให้ทำแผนแม่บท 10 ปีหน้า 2560-2569พัฒนาการลงทุนท่าอากาศยาน 6 แห่ง วงเงินกว่ารวมกว่า 120,000 ล้านบาท ขยายพื้นที่บริการภายในสนามบินนานาชาติ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย และหาดใหญ่

อีกทั้งขณะนี้ ทอท.กำลังเดินหน้าขยายพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสารแต่ละท่าอากาศยาน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดึงดูดกำลังซื้อนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกรวมทั้งเปิดช่องทางจำหน่ายสินค้ามากขึ้นทั้งแบรนด์เนมและสินค้าท้องถิ่นไทย ขณะเดียวกันก็ยังจะช่วยส่งเสริมกลยุทธ์การเพิ่มส่วนแบ่งรายได้จากกิจการเชิงพาณิชย์สนามบิน (non aero) นอกเหนือจากการบิน (aero) เข้าสู่ประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายใกล้เคียงกัน 50 : 50 จากปัจจุบันยังคงอยู่ที่ประมาณ 70 : 30

สำหรับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้มุ่งมั่นยกระดับการจำหน่ายสินค้าดิวตี้ฟรี และสินค้าแบรนด์ไทย ตามเป้าหมายรายได้ปี 2560 มุ่งมั่นจะสร้างยอดขายหมุนเวียนจากธุรกิจในเครือ เพื่อนำเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศไทยให้ได้ไม่ต่ำกว่า 92,000 ล้านบาท

ควบคู่กับการลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาทปรับโฉมครั้งใหญ่ “คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ รางน้ำ” เริ่มตั้งแต่พฤษภาคม 2560 กำหนดจะเปิดบริการเต็มรูปแบบในเดือนตุลาคม 2560 นี้เป็นต้นไป โดยจะมีสีสันร้านค้าปลอดอากร คิง เพาเวอร์  แล้วยังจะมีโรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ โรงละครอักษรา ภัตตาคารรามายณะ ร้านอาหารแบรนด์ดังรายใหม่สไตล์ สตรีท ฟู้ด และลานกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อจัดนิทรรศการแสดงสินค้า คอนเสิร์ต งานบันเทิงหลากหลายรูปแบบเทรนด์สมัยใหม่

ล่าสุด บริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะการลงแข่งขันประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ (commercial area) อาคาร 1 อาคารระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานดอนเมือง จาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากทำคะแนนรวมสูงสุดเหนือคู่แข่งรายอื่น ๆ  ทั้งเรื่องคุณสมบัติถูกต้องตามเงื่อนไขครบสมบูรณ์ และเสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายเดือนเป็นเงินรวม 17,651,120 บาท สูงกว่ารายอื่นเกือบ 2 เท่า อีกทั้งการเจรจาต่อรอง บริษัท คิงเพาเวอร์ฯ ยังยินดีเพิ่มค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้ ทอท.อีกเดือนละ 31,280 บาท รวมเป็นค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายเดือนปีแรก เฉลี่ยเดือนละ 17,682,400 บาท  

ขณะนี้ ทอท.ได้ให้ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ทำสัญญาเพื่อเข้าไปตกแต่งพื้นที่ภายใน 90 วัน เพื่อเปิดจำหน่ายสินค้าหลัก ๆ ในพื้นที่เชิงพาณิชย์ดังกล่าวเป็นหมวดสินค้าแบรนด์ไทย อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าที่ระลึก และอื่น ๆ เพื่อสร้างรายได้จากตลาดนักเดินทางและนักท่องเที่ยวที่ผ่านเข้าออกปีละกว่า 30 ล้านคน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image