สืบเนื่องกรณีวัดนางนองวรวิหาร เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ดำเนินการอนุรักษ์ภาพเขียนสึใต้กระจกและกรอบไม้แกะสลักยุคต้นรัตนโกสินทร์ ซึ่งเริ่มงานในช่วงปลายปี 2560 โดยพระสิรินันทมุนี เจ้าอาวาสระบุว่าได้รับการสนับสนุนจากนางนินนาท ชลิตานนท์ อดีตปลัดกรุงเทพมหานครนั้น ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการบูรณะโบราณวัตถุอีกหลายรายการก่อนหน้านี้ อาทิ พระประธานในพระอุโบสถ รวมถึงจิตรกรรมฝาผนังและจิตรกรรมบนบานประตูหน้าต่าง เป็นต้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พระอนุชิต กิตติวัฑฒโน เปิดเผยถึงความคืบหน้าว่า งานดังกล่าว แล้วเสร็จไปได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ โดยช่างได้ทำความสะอาดกรอบด้วยน้ำประคำดีควาย บันทึกข้อมูลโดยถ่ายภาพ วัดขนาด นำไม้สักทองเสริมกรอบที่ผุพังด้วยลาดลายเดิม ส่วนบางภาพที่กระจกแตกเป็นชิ้นๆ มีการนำมาต่อให้สมบูรณ์ที่สุด สำหรับขั้นตอนที่เหลือคือการประสานรอภาพบางส่วนที่กรมศิลปากรนำไปอนุรักษ์ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดจะนำกลับไปติดไว้บนกรอบประตูและหน้าต่างของพระอุโบสถดังเดิม
นางนินนาท ชลิตานนท์ อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เมื่อครั้งที่ตนเป็นผู้อำนวยการเขตจอมทอง ได้มากราบพระประธานวัดนางนองวรวิหาร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ที่มีความงดงามมาก จึงเป็นแรงบันดาลใจในการบูรณะพระพุทธรูปองค์นี้รวมถึงส่วนต่างๆในพระอุโบสถ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ กรอบภาพกระจกสีที่เคยติดตั้งอยู่บนกรอบประตูหน้าต่าง
“เป็นคนชื่นชอบพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ซึ่งโดยทั่วไปไม่ค่อยมีที่เป็นพระประธาน วัดที่มีก็เช่น วัดหน้าพระเมรุ จ. พระนครศรีอยุธยา พระพุทธรูปประธานที่วัดนางนอง เป็นพุทธศิลป์ที่งดงามที่สุดองค์หนึ่งของไทยก็ว่าได้ หลังจากไม่ได้เป็นผอ.เขตแล้ว เวลากลับมากราบท่านเจ้าอาวาส และกราบพระประธานทุกครั้งก็ตั้งใจว่าถ้ามีโอกาสจะทำถวายท่าน อยากจะอนุรักษ์ ทำให้ท่านงดงามขึ้นมา ตอนนี้มีโอกาส ก็ยืนดีมากๆ เบื้องต้นอยากทำในส่วนของโบสถ์ก่อน ก่อนหน้านี้ทรุดโทรมมาก ทั้งจิตรกรรมฝาผนัง และจิตรกรรมบนบานประตูหน้าต่างที่ชำรุดซึ่งก็ได้ร่วมกับผู้มีจิตศรัทธาขอกรมศิลปากรในการบูรณะ กรมศิลป์ก็อนุญาต ช่อไฟที่เสียหายไป ก็ทำกลับมาใหม่ กรมศิลป์บอกว่า จะต้องเป็นไฟในลักษณะที่เห็นอยู่ ไม่ใช่แชนเดอเลียร์อย่างที่หลายแห่งทำ ตอนนี้ก็เหลือกรอบรูปกระจกสีบนบานประตูหน้าต่าง ที่จะต้องนำกลับมาติดไว้ที่เดิม” นางนินนาทกล่าว
นางนินนาทกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังจะมีการจัดสร้างพระบรมรูปรัชกาลที่ 3 แบบครึ่งพระองค์ เพื่อประดิษฐานไว้แทนที่พระบรมสาทิสลักษณ์รัชกาลที่ 3 ซึ่งในปัจจุบันตั้งอยู่ด้านข้างของพระพุทธรูปประธานโดยเป็นภาพที่มีขนาดใหญ่ ทำให้ไม่สามารถเดินชมส่วนต่างๆได้รอบพระอุโบสถ
“ภาพนี้วาดโดยคุณครูท่านหนึ่งไม่ทราบว่าชื่ออะไร แต่ภาพทรุดโทรมแล้ว และจุดที่ตั้งทำให้ไม่สามารถเดินรอบพระอุโบสถได้ จึงคุยกับเจ้าอาวาสว่า น่าจะปรับปรุงพื้นที่ใหม่ โดยนำภาพเขียนออก แล้วสร้างรูปหล่อรัชกาลที่ 3 ครึ่งพระองค์มาประดิษฐานแทน เพื่อให้ผู้สนใจเดินศึกษาจุดต่างๆในพระอุโบสถได้อย่างสะดวก เพราะโบสถ์มีเรื่องราวที่เล่าต่อกันโดยรอบ ถ้าเดินได้ไม่รอบ จะขาดตอน สำหรับโต๊ะหมู่บูชาที่จะถวายพระประธาน มีอุบาสกอุบาสิกาเข้ามาทำถวายแล้ว ก็จะเหลือ โต๊ะหมู่ขนาดเล็กสำหรับถวายเครื่องราชสักการะ พระบรมรูปรัชกาลที่ 3 ซึ่งจะจัดทำต่อไป” นางนินนาทกล่าว
พระมหาวิชาญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดนางนอง กล่าวว่า สำหรับพระบรมสาทิสลักษณ์รัชกาลที่ 3 ทางวัดจะเก็บรักษาไว้เช่นเดิม โดยอาจเคลื่อนย้ายไปประดิษฐานในพระวิหาร และนำพระบรมรูปที่หล่อขึ้นใหม่มาประดิษฐานแทน
ทั้งนี้ กรอบไม้แกะสลักใส่ภาพเขียนสีใต้กระจกที่อยู่ระหว่างการอนุรักษ์มีจำนวน 14 กรอบ 1 กรอบ มี 3 ภาพ แบ่งเป็นกรอบขนาดใหญ่ 4 กรอบ ขนาดเล็ก 10 กรอบ แกะลวดลายมงคลจีน อาทิ ค้างคาว กระต่าย นกยูง รวมถึงลายกุญแจจีน ผศ.ดร.อชิรัชญ์ ไชยพจน์พานิช อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี ม.ศิลปากร สันนิษฐานว่า ตัวภาพน่าจะทำในประเทศจีนระหว่างรัชกาลที่ 3-รัชกาลที่ 5 ส่วนกรอบไม้แกะสลักน่าจะทำในสยาม เนื่องจากรูปแบบและลวดลายกรอบลักษณะนี้ไม่มีในจีน
