บทนำ : บทเรียนข้างบ้าน

คนไทยไม่น้อยคุ้นเคยกับชื่อของนายมหาธีร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่มีบทบาทอย่างสูงในห้วงเกือบ 2 ทศวรรษก่อน ล่าสุด นายมหาธีร์ใน วัย 92 ปี นำพรรคกลุ่มพันธมิตรแห่งความหวัง หรือปากาตัน ฮาราปัน กวาดไป 121 ที่นั่ง จาก 222 ที่นั่งของสภาผู้แทนราษฎรแห่งมาเลเซีย เอาชนะนายนาจิบ ราซัค ที่กำลังกลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แห่งกลุ่มแนวร่วมแห่งชาติ หรือบาริซัน เนชั่นแนล (บีเอ็น) ซึ่งได้ที่นั่งในสภาเพียง 79 ที่นั่งเท่านั้น ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้การเมืองมาเลเซียเปลี่ยนแปลงอย่างชนิดพลิกขั้ว

นายนาจิบประกาศยอมรับคำตัดสินของประชาชน บีเอ็นให้คำมั่นที่จะเคารพในหลักการของระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ความพ่ายแพ้ของรัฐบาลแนวร่วมแห่งชาติดังกล่าว หลังจากมีข่าวอื้อฉาวการทุจริตเงินกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติมาเลเซีย และการบริหารประเทศที่ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้พรรคฝ่ายค้านของมาเลเซียได้ขึ้นบริหารประเทศเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มาเลเซียได้รับเอกราชเมื่อปี พ.ศ.2500 และทำให้นายมหาธีร์กลายเป็นผู้นำประเทศที่อายุมากที่สุดในโลก มีกระแสข่าวต่างๆ ตามมา อาทิ นายมหาธีร์จะให้นายอันวาร์ อิบราฮิม อดีตคู่แค้นที่หวนมาจับมือกัน ขึ้นนั่งนายกฯ แทนหลังจากดำรงตำแหน่ง 2 ปี ขณะที่นายมหาธีร์กล่าวว่าต้องการแก้ไข ไม่แก้แค้น และต้องการกอบกู้หลักนิติรัฐของมาเลเซีย

ชัยชนะของนายมหาธีร์ครั้งนี้ สะท้อนการใช้เสียงประชาชนตัดสินชะตากรรมของประเทศ และชี้ว่าทุกอย่างเป็นไปได้ หากเป็นความประสงค์ของประชาชน นายมหาธีร์ เคยเป็นนายกฯ 22 ปี เคยเป็นผู้นำกลุ่มบีเอ็น เกษียณตัวเองจากการเมืองเมื่อปี 2546 แต่ก็สามารถกลับมาเมื่อ 15 ปีผ่านไป โดยเสนอตนเองตามช่องทางของระบบ และประชาชนให้ความไว้วางใจ และสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงตามระบบและอย่างสันติ ที่นานาชาติยอมรับ ต่างจากการเปลี่ยนแปลงนอกระบบที่ก่อผลต่างๆ มากมาย เป็นบทเรียนสำหรับประเทศไทย ที่การเรียกร้องให้เลือกตั้งกลายเป็นความผิดต่อความมั่นคง และมีกลุ่มที่เสียประโยชน์จากการเมืองประชาธิปไตย พยายามกล่าวร้ายทำลายความชอบธรรมของการเลือกตั้งทุกวิถีทาง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image