ประเทศไทยมีแผ่นดินเท่าเดิมแต่มีประชากรมนุษย์และสัตว์เพิ่มขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ การบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดจึงมีความจำเป็น ทั้งนี้เพื่อให้สามารถดำรงอยู่ที่ไม่ขัดแย้ง
กัน ทั้งระหว่างคนกับคน และคนกับสัตว์ โดยล่าสุดปรากฏข่าวจากการให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ประธานคณะอนุกรรมการติดตามกลไกการปกป้องคุ้มครองสัตว์ ว่า ปัญหาพิพาทระหว่างคนกับลิง รวมทั้งความเดือดร้อนรำคาญที่เกิดจากลิงในปัจจุบัน ได้แผ่ขยายไปในหลายพื้นที่มากกว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ พื้นที่ที่ถือว่าวิกฤตและจำเป็นจะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาทันทีมีอยู่ทั้งสิ้น 12 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี กระบี่ ชลบุรี ตรัง ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุร ภูเก็ต มุกดาหาร สตูล สระบุรี อำนาจเจริญ และเขตบางขุนเทียน กทม.
จากการสำรวจของสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ พบว่าขณะนี้ประเทศไทยมีลิงอยู่ไม่น้อยกว่า 100,000 ตัว โดยลิงแสมเป็นลิงที่รบกวนประชาชนมากที่สุด เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ลิงและคนเริ่มมีข้อพิพาทและมีปัญหาจากลิงเพราะที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติเดิมของลิงถูกรุกล้ำ โดยเฉพาะการสร้างที่อยู่อาศัยหรือเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ในรูปแบบต่างๆ ทำให้ระบบนิเวศเปลี่ยนไป ไม่มีอาหารตามธรรมชาติเพียงพอ ลิงต้องเข้าไปในชุมชนเพื่อหาอาหาร รื้อทำลายทรัพย์สินในบ้านเรือน บางครั้งถึงขนาดทำร้ายคน ทั้งนี้ พล.ต.อ.พงศพัศบอกว่า คณะอนุกรรมการได้นำเสนอยุทธศาสตร์ 3 ยุทธศาสตร์ เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางการบริหารจัดการให้ได้ผลโดยเร็ว ประกอบด้วย 1.ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการลิง 2.ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการถิ่นที่อยู่อาศัยของลิง และ 3.ยุทธศาสตร์การบูรณาการแก้ปัญหาลิง
หากย้อนกลับไปเมื่อเร็วๆ นี้จะพบว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องพิษสุนัขบ้า และพบว่าสุนัขและแมวมีอยู่ในประเทศประมาณ 10 ล้านตัว ซึ่งต้องควบคุมดูแลเป็นอย่างดี และถ้าติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับสัตว์ป่ากับชาวบ้านก็พบอีกว่า มีปัญหาช้างป่าที่เข้ามาหาอาหารในหมู่บ้าน กินและทำลายพืชผลทางการเกษตรของเกษตรกรหลายพื้นที่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพยายามจะแสวงหาหนทางแก้ปัญหา ดังนั้น การจัดระเบียบสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยงในขณะนี้จึงเป็นการเริ่มต้นที่ดี และยิ่งจะดีมากๆ ขึ้นไปถ้าคนก็ตระหนักถึงความจำเป็นในการจัดระเบียบ ทำอย่างไรให้เราอยู่ได้เขาอยู่ได้ โดยไม่เบียดเบียนกันและกัน
