“ความสำเร็จสำคัญที่สุดก็คือประชาชน ทำถูกเป้าหมาย กำหนดทิศทางที่ตอบสนองต่อพี่น้องประชาชน อันนี้คือความสำเร็จเมื่อเราลงไปที่ไหนก็ได้รับคำชม หลังจากเกิดคำชม ความเข้มแข็งก็จะเกิดทันที”
ข้างต้นคือคำบอกเล่าของ ประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา อ.เมือง จ.ระยอง หัวเรือสำคัญที่สร้างความเปลี่ยนแปลงทำให้เมืองเล็กๆ อย่างตำบลทับมา กลายเป็นเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิดเชิงกลยุทธ์ และวิสัยทัศน์ “ทับมาเมืองน่าอยู่ เรียนรู้นวัตกรรม น้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง พัฒนาอย่างสมดุล พร้อมสู่อาเซียน”
อุตสาหกรรม ประชาชน สิ่งแวดล้อม สมดุลความยั่งยืน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมคือหนึ่งในความมั่นคงของตำบลทับมา สิ่งที่ยึดเป็นหลักในการทำงานจึงเป็นการสร้างความสมดุลระหว่างภาคอุตสาหกรรม และพี่น้องประชาชน แต่การจะสร้างความสมดุลในเรื่องอุตสาหกรรม ประชาชน และสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ จำเป็นต้องมีแผนกำหนดและทิศทางที่ดีและชัดเจน ซึ่งต้องใช้การบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งตำบลทับมามีโครงการตรวจคุณภาพน้ำและดิน เพื่อหาสารปนเปื้อนอยู่เสมอ ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะเข้ามาช่วยสร้างความปลอดภัย และความมั่นใจให้ประชาชนในเรื่องสิ่งแวดล้อมได้อย่างหายห่วง
บริหารจัดการน้ำอย่างมีคุณภาพ ไม่ขาด และไม่ท่วม
ตลอดระยะเวลา 20 ปี ตำบลทับมาไม่เคยขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค เพราะมีแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ มีระบบนิเวศดี และมีสระเก็บน้ำสำหรับทำน้ำประปาจำนวน 2 แห่ง นอกจากนั้นยังมีโครงการสระน้ำสำคัญอีกหนึ่งแห่งที่มีศักยภาพกักเก็บน้ำได้กว่า 13 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งแหล่งน้ำนี้เองจะมีหน้าที่ซึมน้ำลงสู่ใต้ดินไปยังแหล่งคลองน้ำตื้นโดยรอบ ทำให้พื้นที่ในตำบลทับมาจะไม่ขาดน้ำ วิธีการข้างต้นใช้การศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และการศึกษาจากกรมโยธาธิการและผังเมือง มาประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในเรื่องปัญหาน้ำท่วมที่เคยเกิดขึ้น ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า บริเวณต้นน้ำของตำบลทับมา จะสามารถ “ฟลัดเวย์” น้ำจากแหล่งต้นน้ำไปสู่แม่น้ำระยองได้อย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันน้ำท่วม ซึ่งในปัจจุบันกำลังอยู่ในแผนการดำเนินงาน หากโครงการข้างต้นสำเร็จ ก็จะเหลือเพียงกลางน้ำหรือแม่น้ำชุมชนที่ต้องบริหารจัดการ ซึ่งเรามีแผนปฏิบัติการรองรับ เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมก็จะสามารถกระจายงานและแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ หากเกินศักยภาพของท้องถิ่น ก็สามารถประสานกับหน่วยงานอื่นได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
เมื่อการศึกษาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงในห้องเรียน
เพราะการศึกษาคือหัวใจหลักของการพัฒนาคน หนึ่งในแนวทางที่ นายกเทศมนตรีตำบลทับมา ให้ความสำคัญจึงเป็นเรื่องการสนับสนุนงบประมาณให้กับการศึกษา ซึ่งหนึ่งในโรงเรียนต้นแบบคือ ‘ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านทับมา’ หนึ่งในโครงการห้องเรียนอัจฉริยะ ที่จัดการเรียนการสอนให้กับเด็กวัยอนุบาลหรือวัย 3-5 ปี ภายใต้หลักสูตรการเรียนการสอนที่ได้รับรองมาตรฐาน แต่สิ่งที่แตกต่างจากศูนย์การเรียนรู้อื่นคือการส่งเสริมหลักสูตรนอกห้องเรียนอย่างเป็นรูปธรรม
“เราสร้างภูมิปัญญาด้านวัฒนธรรม ส่งเสริมการปลูกผักสวนครัว ปลูกฝังความคิดเรื่องการจัดการขยะให้เยาวชนตั้งแต่วัยอนุบาล ส่งเสริมธนาคารขยะในโรงเรียน ให้เด็กๆ ได้นำขยะจากที่บ้านมาขายที่ให้โรงเรียนเพื่อให้เด็กๆ ได้เข้าใจเรื่องการจัดการขยะและการคัดแยกขยะ ทั้งยังมีการส่งเสริมการศึกษาด้านภาษาต่างประเทศ จากคนต่างชาติตัวจริง ให้เด็กๆ ร่วมด้วย
“นอกจากนี้ยังมีโครงการวิชานอกห้องเรียน ที่ส่งเสริมให้เยาวชนระดับมัธยมศึกษา ปวช. และ ปวส. มาฝึกทักษะอาชีพในช่วงปิดภาคการศึกษา ผ่านการจ้างงานให้น้องๆ ได้เข้ามาช่วยเหลือบุคลากรครูที่โรงเรียนให้ตรงกับหลักสูตรที่เยาวชนเรียนมา โครงการนี้เองสามารถลดปัญหาการเที่ยวเตร่ของเด็กวัยรุ่นในช่วงปิดภาคการศึกษา ทำให้เขามีรายได้เสริม และท้ายที่สุดได้ความรู้จากการปฏิบัติจริงนอกห้องเรียนซึ่งสำคัญมากในโลกแห่งการทำงาน”
ขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วย ‘ทับมา BCG Model’
วิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านสะพานหิน หมู่ที่ 8 นับเป็นชุมชนเข้มแข็งที่นำเอาแนวคิด BCG มาประยุกต์ใช้ซึ่งประกอบด้วย เศรษฐกิจชีวมวล เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว โดยนายกเทศมนตรีตำบลทับมา เล่าเพิ่มเติมว่า โมเดลของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านสะพานหิน คือการทำสินค้า OTOP ที่ใช้วัตถุดิบที่หาได้ในพื้นที่ชุมชน ยกตัวอย่างกะปิ ก็นำตัวเคยมาจากพื้นที่ทางทะเลของระยอง น้ำปลา ไข่เค็ม หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ล้วนผลิตขึ้นในเขตพื้นที่ชุมชนบ้านสะพานหินทั้งสิ้น
ขณะเดียวกัน เทศบาลตำบลทับมา ยังได้สนับสนุนและให้ความรู้ทางวิชาการแก่ประชาชน โดยการนำคนในชุมชนเข้าฝึกอบรมเพื่อพัฒนาสินค้าอยู่เสมอ พร้อมทั้งให้งบประมาณ และเปิดพื้นที่ให้ชาวบ้านได้มาจำหน่ายสินค้า
“เราเชื่อว่าหากชาวบ้านมีศักยภาพ มีสินค้าที่มีคุณภาพ แต่ยังขาดตลาดรองรับเรื่องนี้จะไม่ยั่งยืน ทางเทศบาลฯ จึงให้การสนับสนุนประสานงานให้ชุมชนได้ออกไปหาตลาดใหม่ๆ อย่างห้างสรรพสินค้า สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด ธกส. สนามกีฬากลาง และงานจังหวัด เพื่อให้ชาวบ้านได้มีอาชีพและมีรายได้ที่ยั่งยืน”
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทับมา โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม
สิ่งแวดล้อม คือทรัพยากรที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อชุมชน เพราะส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชนได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งอีกหนึ่งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีชื่อเสียงด้านสิ่งแวดล้อม คงต้องพูดถึง วิสาหกิจชุมชนทับมา เพราะสามารถประยุกต์นำเอาเรื่องของเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมให้ดำเนินคู่กันได้อย่างยั่งยืน ผ่านการเลี้ยงผึ้งชันโรง ซึ่งผึ้งชันโรงนับเป็นตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี หากสิ่งแวดล้อมไม่สมบูรณ์ หรือมีมลพิษ ผึ้งเองก็จะไม่สามารถอยู่ได้ ทำให้ชุมชนต้องช่วยเหลือกันปลูกต้นไม้ และช่วยกันดูแลทรัพยากรดิน น้ำ ให้สมบูรณ์อยู่เสมอ เมื่อสิ่งแวดล้อมสมบูรณ์ผึ้งชันโรงก็จะช่วยผสมเกสรพืชไร่ของคนในชุมชนให้ได้ผลผลิตดียิ่งขึ้น
นอกจากประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว ผึ้งชันโรงยังสร้างรายได้ให้กับชุมชนมหาศาล ผ่านผลผลิตอย่าง ‘น้ำผึ้ง’ ที่ในปัจจุบันราคาน้ำผึ้งชันโรงมีราคาค่อนข้างสูง และมีออเดอร์รับซื้ออยู่เสมอ ขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์จากผึ้งเองไม่ได้มีเพียงแค่น้ำผึ้งเท่านั้น แต่ยังสามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากผึ้งได้ เช่น สบู่ สเปรย์พ่นคอ ลูกอม ยารักษาโรค เป็นต้น เรื่องราวข้างต้นสะท้อนเห็นว่าวิสาหกิจชุมชนทับมากลายเป็นการเกื้อกูลกันระหว่างคน สัตว์ สิ่งแวดล้อมได้อย่างน่าสนใจ
ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุช่วงกลางวัน
ไม่เพียงเยาวชน และคนทำงานเท่านั้นที่เป็นแรงสำคัญในการขับเคลื่อนสำคัญ อีกหนึ่งคนเบื้องหลังความสำเร็จในปัจจุบัน ที่วันหนึ่งเคยเป็นกำลังสำคัญของชุมชนนั่นคือ ‘ผู้สูงอายุ’ ซึ่งคนกลุ่มนี้เองคืออีกหนึ่งกลุ่มที่เทศบาลตำบลทับมาให้ความสำคัญ ผ่านการผลักดัน ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุช่วงกลางวัน
นายกเทศมนตรีตำบลทับมา ขยายความว่า ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุช่วงกลางวัน เป็นนโยบายที่ใฝ่ฝันมานาน หลักๆ แล้วผู้สูงอายุมีอยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มติดเตียง ติดบ้าน และติดสังคม โดยกลุ่มที่ทางศูนย์ดูแลผู้สูงอายุช่วงกลางวัน ดูแลคือ ‘กลุ่มติดบ้าน’ ซึ่งไม่ค่อยมีท้องถิ่นใดหยิบขึ้นมาดูแล เพราะคิดว่าเป็นกลุ่มที่ยังดูแลตัวเองได้ แต่ในความจริงแล้ว ส่วนใหญ่อยู่คนเดียวเพราะลูกหลานไปทำงาน นานวันเข้าจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าและเกิดอาการหลงลืมได้ เราก็เกรงว่า ถ้าปล่อยพวกเขาเหล่านี้ไป อีกไม่นานก็จะกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงในท้ายที่สุด
เรื่องนี้เป็นเรื่องยากที่จะทำ เพราะในประเทศไทยเองไม่ค่อยมีใครทำในเรื่องนี้ ทำให้ทางเทศบาลตำบลทับมาต้องเรียนรู้หลายปี และในท้ายที่สุดก็สามารถบูรณาการระหว่างผู้เชี่ยวชาญ จนตัดสินใจนำหลักสูตรจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาปรับใช้ โดยมีเทศบาลจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาร่วมสร้างหลักสูตรร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งปัจจุบันได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้สูงอายุเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก พร้อมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุในชุมชนได้มีกลับมามีสังคม ได้คุยกับเพื่อนฝูงในวัยเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง
“ความสำเร็จสำคัญที่สุดก็คือประชาชน ทำถูกเป้าหมาย กำหนดทิศทางที่ตอบสนองต่อพี่น้องประชาชน เมื่อเราลงไปที่ไหนก็ได้รับคำชม หลังจากเกิดคำชม ความเข้มแข็งก็จะเกิดทันที ไม่ว่าเราจะกำหนดทิศทางไหน ชาวบ้านก็จะมาร่วมมือร่วมใจกันอย่างดี สิ่งนี้ผมถือว่าคือความสำเร็จ” ประเสริฐ วงษ์ศรี ทิ้งท้าย