เปิดใจ! หนุ่มโดนเบนซ์ลากร่าง ไกลร่วมกิโล สุดทรมานใต้ท้องรถ ได้พระดีคุ้มครอง

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “โอเล่ สมภพ อบเชย” โพสต์ภาพพี่ชายประสบอุบัติเหตุรถจยย.ชนท้ายรถเก๋ง ได้รับบาดเจ็บนอนอยู่กลางถนน แต่จู่ๆ กลับมีรถเบนซ์ขับแบบไม่ชะลอความเร็ว แล้วทับร่างพี่ชายลากไปตามถนนไกลกว่า 800 เมตร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด ที่โรงพยาบาลสินแพทย์ ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าพบ นายปิยรัตน์ หรือเอ็ม อบเชย อายุ 35 ปี ผู้บาดเจ็บรายดังกล่าว เพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนายปิยรัตน์ ได้เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุตนกำลังขี่รถจยย.กลับบ้านย่านสะพานใหม่ ระหว่างลงสะพานที่ธัญญะและกำลังเลี้ยวเข้าบ้าน รถเก๋งคันหน้าได้เบรกกะทันหัน ทำให้ตนเบรกไม่ทันจึงชนท้ายเก๋งสีดำจนล้มลง ตัวกระเด็นไปอีกฝั่งของถนน จากนั้นคนในรถเก๋งซึ่งเป็นผู้หญิงก็ลงมาสอบถามตนว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ตนก็ตอบไปว่าไม่เป็นอะไรมาก พร้อมกับมีผู้ชายอีก 1 คนลงมาจากรถแล้วขอโทษตน ที่ไม่ได้เปิดไฟเลี้ยวเป็นสัญญาณทำให้เกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร และขณะนั้นรู้สึกเจ็บขาเพียงเท่านั้น ผ่านไปสักพักตนก็ได้ยินเสียงคนโวยวาย แล้วก็มีคนกระโดดหนี พร้อมกับเห็นรถเก๋งคันดังกล่าวพุ่งมาชนตน

“ตอนถูกชนครั้งแรกผมรู้สึกเจ็บที่หลังและไหล่ ซึ่งคิดว่าเขาจะหยุด สุดท้ายก็ไม่หยุดพร้อมกับลากร่างผมที่ยังใส่หมวกกันน็อกไปด้วย ตอนที่ผมติดไปใต้ท้องรถก็รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา คิดว่าทำไมเขาไม่หยุดสักที จนผมเริ่มหมดแรงและเจ็บไปทั้งแผ่นหลัง ผมก็ยกแขนขึ้นมากัน แต่ใต้ท้องรถมันร้อนมากทำให้แขนไหม้ไปหมด จนเริ่มไม่ไหวคิดในใจว่าทำไมไม่ยอมหยุดซักที แล้วก็คิดไปถึงว่าตอนนั้นคงตายแน่แล้ว ก่อนจะวูบไป มารู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนรถหยุด” นายปิยรัตน์ กล่าว

Advertisement

นายปิยรัตน์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นก็มีคนพาตนไปส่งโรงพยาบาล และเริ่มกลับมามีสติอีกครั้ง เจ้าหน้าที่มูลนิธิก็บอกให้ตนยกแขนยกขา ตนก็ยังยกได้ ส่วนคนขับรถเก๋งสีดำทั้ง 2 คน ก็ยังตามมาช่วยเหลือด้วย ตนก็เช็คสร้อยของตน ที่ห้อยพระปู่ทบ ปี 2537 ขาดครึ่ง แต่ก็ยังห้อยอยู่ที่คอไม่ได้หลุดออกไป แล้วก็มีเหรียญหลวงพ่อรวย ปี 2556 แล้วตนยังสวมใส่แหวนหลวงปู่ทนรุ่นสามเสือ ของทุกอย่างก็ยังอยู่ครบ

ในส่วนรถที่ชนตนไม่ได้ติดใจอะไร ตนคิดว่ารถคันนั้นอาจจะตกใจ หรือมีปัญหาเรื่องเมาหรือเปล่า ตนก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ ถ้าเขาชนแล้วหยุดตนก็จะไม่เจ็บเยอะ คนขับน่าจะรู้หรือเปล่าว่าตนติดรถไปด้วย ส่วนเรื่องการรักษาพยาบาลผมมีประกันสุขภาพ และเบิกจ่ายในของราชการ เพราะภรรยาตนรับราชการ จากนั้นตนย้ายจาก ร.พ.สายไหม ก็มีค่าใช้รักษาอยู่ประมาณ 70,000 บาท ส่วนที่ ร.พ.สินแพทย์ แจ้งมาเฉพาะการผ่าตัดก็ 80,000 บาท ยังไม่รวมค่ารักษา

“ผมอยากให้เขารับผิดชอบในส่วนของสิ่งที่เขาทำเกินกว่าเหตุในทางคดีเพียงเท่านั้น แต่ในส่วนของคดีต้องแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกผมได้ขี่รถจยย.ชนท้ายรถเก๋งสีดำนั้นผมเป็นคนผิด ทางรถเก๋งสีดำก็ได้ไปแจ้งความที่โรงพักแล้ว ส่วนที่ 2 คนที่ขับรถเก๋งชนผมและลากไปไกลกว่า 800 เมตรก็ได้แจ้งความไว้แล้ว” นายปิยรัตน์ กล่าว

Advertisement

นายปิยรัตน์ กล่าวต่ออีกว่า ตนเพิ่งได้รับได้ผ่าตัดเมื่อคืนนี้ที่หลังและที่ก้น เพราะเนื้อเริ่มตายจึงต้องผ่าตัดเอาเนื้อส่วนนั้นออกไป เบื้องต้นทางแพทย์จะรักษาให้รอยแผลตื้นที่สุด ก่อนที่จะมีการพิจารณานำเนื้อจากส่วนอื่นมาเสริมแทนที่ ตนยังสามารถพูดคุยได้เพราะฤทธิ์ของมอร์ฟีน อย่างน้อยก็ต้องนอนรอดูอาการที่โรงพยาบาลประมาณ 2 สัปดาห์

ด้าน พ.ต.อ.ทนงศิลป์ มณีโชติ ผกก.สน.สายไหม เปิดเผยว่า ทางญาติของนายปิยรัตน์ ได้มาแจ้งความเกี่ยวกับรถชนไว้แล้ว ส่วนจะมีจะมีการแจ้งความเพิ่มเติมหรือไม่ ขอสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บอีกที ส่วนเรื่องตามหารถที่ชนในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังเร่งสอบสวนพยานแวดล้อม และตรวจสอบกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด เบื้องต้นยังไม่สามารถยืนยันรถที่มาชนได้ว่าเป็นรถยี่ห้ออะไร สีอะไร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image