แฉประวัติหนุ่มเมายาคลั่งตีตร.! พบหลักฐานสำคัญคาบ้าน ญาติติดใจปมการตาย

จากกรณี นายวายุ เกิดอาการ เมายาบ้า จนคลุ้มคลั่ง และก่อเหตุกระโดดถีบและใช้ไม้หน้าสามกระหน่ำตี ร.ต.ท.วิทยา อาจหาญ รอง สวป.สภ.ภักดีชุมพล จนบาดเจ็บสาหัสมีเลือดคลั่งในสมอง บริเวณถนนภายในหมู่บ้านแหลมทอง ม.1 ต.แหลมทอง อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ จนต้องนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนนายวายุหลังก่อเหตุได้ถูกชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์จนได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ก่อนที่ช่วงเช้าวานนี้ ขณะที่นายวายุนอนอยู่ในห้องขังของโรงพัก เพื่อรอนำตัวฝากขัง ได้เกิดอาการชักภายในห้องขัง ก่อนตำรวจจะเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลภักดีชุมพล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล

ล่าสุด ที่บ้านของ นายวายุ ผู้ต้องหาที่เสียชีวิต ญาติได้เตรียมจัดงานศพ โดย นายภัทราวุฒิ แดงหอม อายุ 45 ปี อาของนายวายุ กล่าวว่า ตนขอความเป็นธรรมว่าการเสียชีวิตของนายวายุนั้น ทางญาติๆต่างยังติดใจว่าทำไมตำรวจถูกทำร้ายยังนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพบยาบาลชัยภูมิได้ แต่ทำไมไม่ส่งตัวนายวายุไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้าง ทำไมถึงปล่อยให้นายวายุเสียชีวิต จึงอยากจะขอวอนผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยให้ความเป็นธรรมกับหลานชายของตนด้วย

โดยญาติผู้ตายออกมายืนยัน ว่าหลานชายเป็นคนใจร้อนนิสัยวู่วาม และกระทำการลงไปด้วยขาดสติ แต่ก็ว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่ที่ออกมาเรืยกร้องนี้เป็นประเด็นเรียกร้องสิทธิขั้นพื้นฐานที่พึงมี เช่น การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกินกว่าเหตุ และที่สำคัญไม่นำตัวหลานชายส่งโรงพยาบาล ทั้งที่ทราบดีว่าหลานชายถูกทำร้ายเช่นกัน จากภาพในกล้องวงจรปิดเห็นชัดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตีที่ศีรษะ หากการพิสูจน์ออกมาพบว่าตามร่างกายมีรอยฟกช้ำหรืออวัยวะกระทบกระเทือน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องอธิบายได้ แต่อย่างไรก็ตามญาติๆ จะต่อสู้เพื่อความยุติธรรมให้ถึงที่สุด

Advertisement

ขณะที่เพื่อนบ้านยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุมีอารมณ์หงุดหงิดและพร้อมที่จะทำร้ายผู้อื่นได้ตลอดเวลาอีกทั้งยังมีการเตรียม เตรียมอาวุธเช่น มีด ท่อนเหล็กและขวานติดตัวไว้ตลอดเวลา ในวันก่อนเกิดเหตุประมาณ 3-4 วัน ผู้ก่อเหตุมีอาการคลั่งจนเพื่อนบ้านไม่มีใครกล้าเดินผ่านหน้าบ้าน เนื่องจากเกรงจะถูกทำร้าย

จนวันเกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้เดินไปหาเรื่อง กับตำรวจที่ประจำอยู่ป้อมยามในหมู่บ้าน แต่ไม่พบเจ้าหน้าที่ จึงได้ขโมยรถจักรยานยนต์สายตรวจขับมาจอดบริเวณหน้าบ้านของตน ต่อมาได้มีจเรตำรวจหลายนายตามมา เพื่อที่จะนำรถกลับคืนไปไว้ที่โรงพักจากนั้น ก็เกิดการยื้อแย่งและจนเป็นเหตุทำร้ายร่างกายตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส

ด้าน พล.ต.ต.สุภากร คำสิงห์นอก รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค3 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ จากการตรวจสอบประวัติของนายวายุ พบเคยติดยาเสพติดและถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง และยังถูกดำเนินในคดีความพยายามข่มขืนและอนาจารหญิงสาวหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งศาลตัดสินจำคุก 2 ปี โดยหลังพ้นโทษออกมาได้ 2 ปี ก็หันกลับไปเสพยาเสพติดจนเกิดอาการคลุ้มคลั่งดังกล่าว

ทั้งนี้ ได้มีการตรวจพบหลักฐานของนายวายุ ซึ่งเจ้าตัวนำไปส่งไว้ที่หน้ากล่องไปรษณีย์หน้าบ้านของสมาชิก อบต.แหลมทอง โดยในจดหมายดังกล่าวได้มีการเขียนข้อความระบายอารมณ์และบทกลอนทิ้งไว้ 2 ฉบับเป็นภาษาอีสาน ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการเมือง และการยึดครองประเทศของทหาร และมีจดหมายฉบับหนึ่ง ระบุว่า “ทหารห่าวครองเมืองจังสิรุ่ง มัดถาขนหารย่าน ครองบ้านบ่หุ่งเหียน ฆ่ามันให้เบิ๊ด(หมด)ประเทศ” เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อประกอบในสำนวนคดีด้วย

โดยขณะนี้ยังไม่มีการสรุปสาเหตุการเสียชีวิตของนายวายุ เนื่องจากพ่อแม่ของผู้ต้องหารายนี้ได้ขอส่งร่างลูกชายไปผ่าชันสูตรที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาหลักฐานจึงจะสามารถยืนยันการเสียชีวิตที่แน่ชัดได้ ซึ่งเรื่องนี้มีระเบียบอยู่แล้วกรณีที่ผู้ต้องหาเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว ซึ่งตนได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยทุกเรื่องจะต้องสามารถชี้แจงได้ว่าเกิดจากอาการคลุ่มคลั่ง หรืออาการอยากยาจนทำให้เกิดอาการช็อกเสียชีวิตฉับพลัน

พล.ต.ต.สุภากร กล่าวด้วยว่า สำหรับอาการของ ร.ต.ท.วิทยา ยังน่าเป็นห่วง ซึ่งได้ส่งตัวไปทำการผ่าตัดเลือดที่คลั่งในสมองจนทำให้สมองบวมเพื่อช่วยเหลือชีวิต ที่โรงพยาบาลตำรวจแล้ว จึงขอให้ทุกฝ่ายเป็นกำลังใจช่วยกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image