นางเอ อายุ 43 ปี พา นางสาว บี ลูกสาว อายุ 20 ปี พร้อมญาติเข้าแจ้งกับตำรวจเมืองชุมพร ให้ดำเนินคดีกับ นายพร อายุ 43 ปี อดีตสามีผู้เป็นพ่อแท้ๆ หลังข่มขืนกระทำชำเราลูกสาวตนเองมากว่า 7 ปี
นางเอ เผยว่า ตนกับนายพร เคยเป็นสามีภรรยากันมา มีลูกด้วยกัน 2 คน เป็นผู้หญิงทั้งคู่ ต่อมาได้เลิกรากัน โดยตนไปมีสามีใหม่อยู่ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ส่วนนายพรอยู่ที่ชุมพร ตอนนั้นลูกสาวทั้ง 2 คน ตกลงจะอยู่กับพ่อ โดย น้องบี ลูกสาวคนโตเรียนอยู่ชั้น ม.1 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัวเมืองชุมพร
ต่อมาเมื่อปี 58 ตนถูกตำรวจท้องที่ สภ.บางสะพาน จับกุมดำเนินคดีอาญาศาลพิพากษาจำคุก 3 ปี และเพิ่งจะพ้นโทษมาได้ 2 เดือน
นางเอ เผยต่อว่า หลังพ้นโทษออกมาอยู่กับสามีใหม่ที่ อ.บางสะพาน ลูกสาวได้หอบเสื้อผ้าหนีจากบ้านมาหาตน เนื่องจากทนพฤติกรรมพ่อไม่ไหว เพราะหลังแม่กับพ่อเลิกกัน พ่อได้ใช้กำลังข่มขืนเรื่อยมา ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ ม.1 จนถึงปัจจุบัน กระทั่งลูกรู้ว่าตนพ้นโทษ จึงได้หนีมาอยู่ และเล่าเรื่องให้ฟัง
ขณะที่ น.ส.บี เผยว่า ถูกพ่อข่มขืนตั้งแต่ชั้น ม.1 ต่อมาได้ตั้งท้อง แต่ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร จึงหนีไปอยู่กับย่า และเล่าความจริงให้ฟัง แต่ย่าไม่รู้จะทำอย่างไรจึงพาไปทำแท้งเอาลูกออก ต่อมาพ่อก็ตามไปรังควาญข่มขู่ ที่บ้านย่า จนต้องยอมกลับมาอยู่กับพ่อที่บ้านเหมือนเดิม
ต่อมาตนตั้งท้องอีกเป็นครั้งที่ 2 ก็นำเรื่องไปบอกย่าอีกเหมือนเดิม ซึ่งย่าก็ทำอะไรไม่ได้ และได้พาตนไปทำแท้งอีก จากนั้นพ่อก็ตามไปข่มขู่ และรับมาอยู่ที่บ้านอีกจนถึงปัจจุบัน โดยพ่อตกลงว่าจะขอร่วมหลับนอนกับเดือน 3-4 ครั้ง จึงต้องจำยอม เพราะไม่รู้จะไปพึ่งใคร
น.ส.บี เผยต่อว่า ปัจจุบันตนอายุ 20 ปี แต่พ่อยังไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าว และหึงหวงหนักกว่าเดิม คอยรังควาญข่มขู่ตลอดกลัวว่าตนจะไปมีแฟน และยังข่มขู่ว่า ไม่ต้องไปแจ้งตำรวจ เพราะตำรวจชุมพรไม่กล้าจับเขา กระทั่งมารู้ว่าแม่ได้พ้นโทษออกมาแล้ว จึงหอบเสื้อผ้าหลบหนีไปอยู่กับแม่ที่ อ.บางสะพาน และเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง
ล่าสุดตำรวจ นำหมายศาลเข้าจับกุมตัว นายพรชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี อาชีพรับจ้างซื้อทุเรียนขายให้กับล้งส่งออกต่างประเทศ ซึ่งเป็นพ่อของ น.ส.บี
โดยขณะเข้าจับกุมนั้น นายพรชัยได้ยินยอมแต่โดยดี ไม่ได้ขัดขืนหรือต่อสู้ใดๆ ตำรวจแจ้งข้อหา กระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นซึ่งเป็นผู้สืบสันดาน โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ // กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งเป็นผู้สืบสันดาน
จากการสอบสวน นายพรชัย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่อ้างว่าตนเองไม่ได้ใช้กำลังบังคับแต่อย่างใด เพราะลูกสาวสมยอมเอง และเคยพาลูกไปทำแท้งเพียงครั้งเดียวที่คลินิกแห่งหนึ่งในตัวเมืองชุมพร ส่วนครั้งหลังตนไม่รู้ว่าใครพาไป
นายพรชัย ยังบอกอีกว่า ขอความเป็นธรรมให้ตัวเองด้วย ซึ่งตนเองก็ยอมรับผิดในสิ่งที่ทำ แต่ทั้งนี้ลูกสาวก็ต้องยอมรับผิดด้วยที่ผิดสัญญาว่าจะไม่ยอมปริปากบอกใครในเรื่องที่มีอะไรกับตนเอง จนกว่าจะตายจากกัน