สลดลูกตายคาท้อง! สาวจะคลอด ร้องเรียกพยาบาลนอนเฉยบอกให้ทนเอา

ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากพ่อแม่คู่หนึ่ง ที่ใช้เวลาในการอุ้มท้องลูกน้อยมา 9 เดือน อีกไม่กี่ชั่วโมงจะได้เห็นหน้าลูกชาย เพื่อต้อนรับสู่ครอบครัว ท้ายที่สุดกลับต้องเสียน้ำตาและทำใจไม่ได้ เมื่อได้รับแจ้งว่าลูกน้อยรกพันคอเสียชีวิตในท้อง ก่อนจะได้รับคำตอบจากแพทย์ว่าเป็นเหตุการณ์สุดวิสัย เพราะทางครอบครัวมองว่าการสูญเสียที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เกิดจากความไม่รับผิดชอบของคนเพียงคนเดียว จึงต้องการร้องขอความเป็นธรรม

หลังทราบเรื่องที่เกิดขึ้น จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงภายในหมู่ที่ 9 ต.ทุ่งหลวง จ.ราชบุรี โดยได้พบกับ น.ส.ปริชาติ บัวทอง อายุ 41 ปี และนายวิเชียร ปานดาทอง อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นพ่อแม่ของ ด.ช.อภิวัฒน์ วัย 9 เดือน ผู้เสียชีวิต ที่ยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้าหลังเพิ่งทำพิธีฌาปนกิจศพลูกชายได้เพียงวันเดียว

น.ส.ปริชาติ กล่าวว่า วันนี้ตนยังคงอยู่ในสภาพความเสียใจเหมือนใจแทบขาดสลาย ส่วนสามียังทำใจไม่ได้ และขอไม่พูดอะไร แม้ก่อนหน้านี้ตนจะเคยมีลูกมีครอบครัวมาแล้ว แต่พอมาเริ่มต้นใหม่กับ นายวิเชียรลูกคนนี้ถือเป็นลูกชายคนแรกที่เป็นความหวังของครอบครัว ช่วงตั้งครรภ์ตนก็คอยดูแลประคบประหงมอย่างดี ไปตรวจสม่ำเสมอ ไม่เคยพบความผิดปกติใดๆ

Advertisement

น.ส.ปริชาติ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 09.00 น. จู่ๆ ตนรู้สึกปวดท้อง จึงรีบเดินทางไปโรงพยาบาลประจำอำเภอแห่งหนึ่งในจ.ราชบุรี โดยพยาบาลห้องคลอดเวรเช้าบอกว่า ปากมดลูกเปิดไม่เยอะ แต่ตนรู้สึกเจ็บท้องถี่มากขึ้นทุก 15-20 นาที โดยที่พยาบาลก็เข้ามาตรวจ และบอกว่าปากมดลูกยังเปิดไม่เยอะ ต้องทำเป็นขั้นตอน

น.ส.ปริชาติ กล่าวอีกว่า ตนรอจนถึงเวลา 03.00 น.ของวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งรู้สึกเจ็บท้องมากขึ้นและน้ำเริ่มเดินแล้ว ซึ่งขณะนั้นลูกยังปกติดิ้นดี จนเวลา 04.00 น. รู้สึกน้ำเดินมากขึ้นและเริ่มมีความรู้สึกผิดปกติของลูกที่ดิ้นแรง และท้องเกร็งแข็ง ก่อนจะค่อยๆเงียบลง ซึ่งตนได้ตะโกนเรียกพยาบาล ซึ่งตนเรียกพยาบาลคนนี้ว่า “หมอหนูเจ็บท้องมากแล้วนะ หนูไม่ไหวแล้วนะ ส่งตัวหนูไปโรงพยาบาลราชบุรีที” ซึ่งพยาบาลคนดังกล่าวก็ตอบกลับมาว่า “ใบส่งตัวไม่ได้กันมาง่ายๆหรอก เพราะโรงพยาบาลราชบุรีไม่ได้รับคนง่ายๆ และนี่มันก็ดึกแล้ว”

น.ส.ปริชาติ กล่าวว่า ตนจึงบอกไปอีกว่า “หนูเจ็บไม่ไหวแล้วนะ” แต่พยาบาลก็พูดกับตนว่า “ทำยังไงได้ก็ต้องทนเอา” ซึ่งลักษณะของพยาบาลเวลานั้นไม่ได้ลุกขึ้นมาพูดกับตนที่ข้างเตียง แต่เป็นการนอนพูดอยู่กับเตียงที่เขานอนอยู่ ซึ่งก็อยู่ตรงข้ามกับเตียงของตน กระทั่งเวลา 05.00 น. พยาบาลได้เดินทางเข้ามาตรวจดูปรากฏว่า เด็กไม่หายใจแล้ว จึงรีบตามหมอเข้ามาดู

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image