วินาทีนี้คงไม่มีข่าวไหนจะถูดพูดถึงมากเท่าเหตุก่อการร้ายในปารีสภายใต้การกระทำของกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอสที่มีกระแสข่าวว่ากลุ่มดังกล่าวเป็นพันธมิตรกับกลุ่มอัลไกดาของบินลาเดนในขณะที่กระบวนการของไอเอสนั้นมีความสลับซับซ้อนและมีศักยภาพที่เหนือกว่ากองโจรทั่วไปมากนัก
เนื่องจากประสิทธิภาพของการการก่อร้ายและการบริหารจัดการ มีศักยภาพในการควบคุมพื้นที่มีกองทัพเป็นของตัวเอง ซึ่งสร้างจากการปลดปล่อยนักโทษนักมาเป็นกำลังพลในกองทัพพร้อมๆกับความสามารถในการหาเงินสนับสนุนมาจากการครอบครองยึดบ่อน้ำมันจนสามารถเข้าไปบริหารจัดการหาเงินจากทรัพยการนั้นได้ในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียบอกว่ารู้แล้วว่าประเทศใดบ้างซื้อน้ำมันจากกลุ่มไอเอสซึ่งถือเป็นการให้เงินสนับสนุนไอเอสทางหนึ่ง
สำหรับวัตถุประสงค์ของกองกำลังไอเอสนั้น ก็เพื่อสร้างรัฐอิสลามนั้นซึ่งในเรื่องวัตถุประสงค์ดังกล่าวก็คงไม่สามารถพิพากษาได้ว่าเป็นผู้ร้ายทั้งหมดและยังมีคำถามว่ามุมมองของโลกตะวันตกจะมองว่าประชาธิปไตยจะอยู่ได้อย่างไรในสังคมเสรีจะยืนอยู่ท่ามกลางโลกที่มีการก่อการร้ายได้หรือไม่และจำเป็นหรือไม่ที่จะหลายประเทศรวมถึงฝรั่งเศสจะต้องเปิดฉากเอาคืนกลุ่มไอเอสที่ซีเรียการผลักดันเช่นนี้จะทำให้ประชาธิปไตยยังอยู่ได้หรือไม่
ซึ่งแรงกระเพื่อมของเหตุการณ์ดังกล่าวก็นำมาซึ่ง 2ประเด็นที่ต้องติดตาม คือ
1.เมื่อรัฐบาลฝรั่งเศษผลักดันกฎหมายเพื่อปราบการก่อการร้ายทำให้ฝ่ายค้านเริ่มใช้ประเด็นดังกล่าวในการหาเสียงและในทฤษฎีทางรัฐศาสตร์ประชาธิปไตยจะไม่ทำสงครามซึ่งนับเป็นการผลักดันประเทศเข้าสู่ความรุนแรง เฉกเช่นที่ สหรัฐอเมริกาทรกแซงอิรัก
2.สันติภาพนั้นได้มาด้วยอะไร สันติภาพจะเกิดจากการใช้กำลังอย่างนั้นหรือ? หรือเราจะสร้างสันติภาพที่แท้จริงตั้งแต่วันนี้
อ.พิชญ์และคุณสุรนันทน์ทิ้งท้ายว่าการมีส่วนร่วมในสถานการณ์เช่นนี้คงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนรูปธงชาติบนโปรไฟล์เฟซบุ๊คแต่ต้องเริ่มจากความเข้าใจในสงครามมองถึงปัญหาใกล้ตัวก่อนคือการต้องเข้าใจความแตกต่างและประชาธิปไตยที่มีคุณภาพจะทำให้เราเผชิญการก่อการร้ายได้อย่างมีสติ