เรื่องราวของอุทยานราชภักดิ์ดูจะเป็นดราม่าข้ามปีไปแล้วเพราะมีข่าวคราวออกมาอย่างต่อเนื่อง ในแง่หนึ่งคือเรื่องการต้องตรวจสอบความถูกต้องในการบริหารจัดการโครงการแต่ประเด็นยังลามไปถึงเรื่องของการสร้างความแตกแยกในสังคมอีกด้วยแต่ในอีกทางหนึ่งประเด็นในครั้งนี้ทำให้สังคมออกมาให้ความสำคัญและตื่นตัวกับการต้านโกงมากขึ้น
เหตุการณ์ที่กลุ่มนักศึกษาเดินทางโดยรถไฟเพื่อไปยังอุทยานราชภักดิ์เมื่อวันที่7 ธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้กระแสสังคมแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ทั้งกลุ่มที่มองไม่ควรจะห้ามนักศึกษาในการเคลื่อนไหวผู้คนมีสิทธิ์ทวงถามเรื่องการคอรัปชั่นในทุกยุคทุกสมัยไม่ว่าจะเป็นชุดรัฐบาลใดแม้จะเป็นเผด็จการก็อาจจะโกงหรือไม่โกงก็ได้และในรัฐบาลชุดนี้ก็มีหนึ่งภาระหน้าที่ในการปราบปรามการทุจริตด้วยกับเสียงอีกฟากที่สะท้อนว่าควรปล่อยให้มีการตรวจสอบการทุจริตเสร็จสิ้นเสียก่อนแล้วนักศึกษาจะทำการเคลื่อนไหวภายหลังก็ย่อมได้
คุณสุรนันทน์เห็นว่าหากจะทำเรื่องดังกล่าวให้ง่ายขึ้น รัฐบาลหรือหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการอาจจะไม่ต้องทำการตรวจสอบสืบสวนเพียงแค่นำเอาบัญชีการดำเนินงาน รายรับ-รายจ่ายมาแสดงแก่สาธารณะ หาก พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสั่งการให้มีการนำข้อมูลออกมาแสดงก็ย่อมทำได้ เพราะท่านนายกเองก็เชื่อว่าไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นเมื่อไม่มีความผิดปกติประการใดก็เพียงแค่เปิดเผยและยืนยันข้อมูลที่ถูกต้องออกมา
อ.พิชญ์ตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่ทำให้รัฐบาลหัวเสียไม่ใช่เพราะคำถามที่มีต่อการทุจริตแต่อาจเป็นเพราะประชาชนไม่เชื่อฟัง เพราะการมองประชาชนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเมื่อพูดแล้วไม่เชื่อ ไม่ฟัง ย่อมทำให้โกรธ
