คนละมุม!หนุ่มอ้างชื่อ’สารวัตรโจ้’ถือปืนขู่คลิปดัง ถูกจับแล้ว เผยเหตุแค้น คู่กรณีเผชิญหน้ากลางวงแถลงนครบาล(คลิป)

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.5 พ.ต.อ.สมโภช สุวรรณจรัส ผกก.สน.บางโพงพาง พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ ภิญโญ ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.ท.ภูริส จินตรานันท์ รอง ผกก.สส.บก.น.5 ร่วมกันจับกุมนายอุดมทรัพย์ ล้อมแก้ว อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 ตรอกโรงหมี่ แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมของกลางอาวุธพกสั้น รีวอลเวอร์ ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน ขนาด .38 สีเงิน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 5 นัด รถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ สีขาว ทะเบียน ชธ 6069 กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เสื้อยืดคอปกแขนสั้นสีน้ำเงิน 1 ตัว และกางเกงขา 3 ส่วนสีน้ำตาล 1 ตัวที่ใช้ในวันก่อเหตุ โดยจับกุมได้ที่บริเวณกลางซอยเทศบาล 20 ต.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา

สืบเนื่องมาจากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เปิ้ล ยอแซฟ” โพสต์คลิปเหตุการณ์ที่กล้องหน้ารถยนต์จับภาพวิดีโอไว้ได้ โดยมีชายอ้างตัวเป็นตำรวจชื่อ “สารวัตรโจ้” ถืออาวุธปืนลงมาจากรถและข่มขู่ พร้อมทั้งบรรยายใต้คลิปดังกล่าวว่า “ใครช่วยประจานลงเฟซให้ด้วยครับเพื่อนผมโดนมาเอง” โดยเหตุเกิดบนถนนพระราม 3 ช่วงเวลาประมาณ 09.30 น. ของวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา จากนั้นนายกิตติศักดิ์ แซ่หว่อง อายุ 41 ปี อาชีพรับเหมาตกแต่งภายใน ผู้เสียหายและเจ้าของคลิปวิดีโอดังกล่าวเดินทางเข้าแจ้งความตำรวจ สน.บางโพงพาง ว่า ขณะที่เจ้าตัวขับรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซ สีขาว ทะเบียน 2กข 8018 กรุงเทพมหานคร มาตามถนนรัชดาฯ-พระราม 3 มุ่งหน้าแยกสาธุประดิษฐ์ และขับรถแซงรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ซสีขาวคันดังกล่าว ในลักษณะปาดหน้ากัน นายกิตติศักดิ์จึงขับต่อมาจนถึงจุดเกิดเหตุ รถเก๋งคันเดิมได้ขับมาด้วยความเร็วก่อนปาดหน้าจนทำให้เจ้าตัวต้องหยุดรถ จากนั้นมีชายไทยสวมเสื้อยืดคอปกสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงขา 3 ส่วนสีน้ำตาล ใส่หมวกแก๊ปสีขาว เดินลงมาจากรถฝั่งคนขับพร้อมถืออาวุธปืนลูกโม่ เดินเข้ามาหาที่รถตนใช้อาวุธปืนจ่อ พร้อมพูดจาข่มขู่และอ้างตัวเป็น “สารวัตรโจ้” ก่อนเดินกลับไปที่รถขับหลบหนีไป

ผู้ต้องหา

Advertisement

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่สืบสวนทราบจากทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าว และนำภาพจากทะเบียนราษฎรให้ผู้เสียหายดูจนทราบว่าผู้ต้องหาคือนายอุดมทรัพย์ อีกทั้งกรณีที่เจ้าตัวอ้างตัวเป็นสารวัตรโจ้นั้นไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นเพียงพ่อค้าขายเคสโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้างย่านพระราม 3 นอกจากนี้พบประวัติก่อเหตุชิงทรัพย์อย่างโชกโชน ก่อนทางพนักงานสอบสวนขออนุมัติศาลออกหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ต่อมาทางตำรวจรับการประสานว่าคนร้ายได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปจอดทิ้งไว้ริมถนนใน อ.สามโคก จ.ปทุมธานี และนำอาวุธปืนพกไปทิ้งไว้ที่บ้านญาติ ที่ อ.บ้านนา จ.นครนายก ส่วนตัวผู้ต้องหาหลบหนีไปกบดานที่บ้านญาติภายในซอยเทศบาล 20 ต.จักราช อ.จักราช จ.นครราชสีมา ตำรวจจึงนำกำลังไปตรวจสอบกระทั่งสามารถจับกุมตัวไว้ได้ ก่อนนำตัวมาขยายผลตรวจค้นตามสถานที่ต่างๆ ที่ผู้ต้องหาได้นำหลักฐานไปทิ้งไว้ ตลอดห้องพักในคอนโดออกัส ถนนเจริญกรุง ซอย 80 พบเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ รวมถึงอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ ก่อนควบคุมตัวสอบสวนที่ สน.บางโพงพาง

สอบสวนนายอุดมทรัพย์ให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลในคลิปจริง วันเกิดเหตุตนถูกขับรถปาดหน้าก่อน เหมือนโดนท้าแข่ง ทำให้โมโห พยายามขับรถตาม แต่ตามไปจนทันจึงปาดหน้ากลับในระยะกระชั้นชิด ก่อนจะนำปืนออกมาขู่ ซึ่งคู่กรณีได้ขอโทษว่า ‘ผมปาดหน้าพี่ ผมขอโทษแล้วไงวะ’ ส่วนที่อ้างว่าเป็น ‘สารวัตรโจ้’ เพราะรู้สึกเคยชินเวลาเพื่อนเรียกว่าจ่า หรือสารวัตร ไม่ได้ต้องการให้ตำรวจเสื่อมเสีย แต่ต้องการใช้น้ำเสียงให้คู่กรณีที่ขับรถปาดหน้ารู้สึกผิดกับสิ่งที่เขาทำ ไม่ได้ประสงค์ต่อชีวิต ปืนที่นำมาเป็นของรุ่นพี่และวันเกิดเหตุก็ไม่ได้เอาปืนออกจากซองด้วย

ผู้เสียหาย

Advertisement

นายกิตติศักดิ์ผู้เสียหาย กล่าวว่า ยอมรับว่าได้ขับรถปาดหน้านายอุดมทรัพย์แล้วก็ต้องขอโทษด้วย ตนเป็นลูกผู้ชายไม่ได้เป็นตุ๊ด แต่การกระทำของเขาลงมาต่อว่า ถือปืนลงมาข่มขู่ สิ่งที่แอบอ้างว่าเป็นตำรวจทำให้กลัว สิ่งที่โมโหมากที่สุดคือมาบิดกุญแจรถและขู่จะฆ่าจะทำร้าย มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

จากการตรวจสอบประวัตินายอุดมทรัพย์ พบว่าเคยถูกออกหมายจับเมื่อปี 18 เมษายน 2552 ท้องที่ สภ.นนทบุรี, 8 มิถุนายน 2552 และ 4 กรกฎาคม 2552 ท้องที่ สน.ทองหล่อ และ 14 พฤศจิกายน 2558 ท้องที่ สน.อุดมสุข ในข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ทั้งนี้นายอุดมศักดิ์เคยถูกนำตัวมาแถลงข่าวที่ บช.น. ในคดีโจรกรรมรถยนต์ ก่อเหตุเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2552

เบื้องต้นแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้ตกใจกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ โดยมีอาวุธ” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางโพงพางดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image