(26 ก.ย. 59) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะทำงานด้านการแก้ไขปัญหาจราจร แถลงผลการดำเนินการบูรณาการและรณรงค์แก้ไขปัญหาจราจร ในถนน21สายหลัก ในช่วง10วันที่ผ่านมา ภาพรวมมีความเร็วเฉลี่ยดีขึ้น 30-45 นาที
ส่วนการดำเนินการตัดเกาะกลางถนนและปรับปรุงทางเพื่อเพิ่มผิวการจราจรได้ ดำเนินการแล้ว3แห่ง ได้แก่ ถนนผ่านภิภพ ราชดำเนินการ แยกศรีเขมา ถนนประชาราษฎร์สาย1 และบริเวณใกล้แยก ณ ระนอง ที่ผ่านมาพบว่าวิธีการดังกล่าวแก้ไขปัญหาคอขวดและรถติดสะสมได้ดีขึ้นเป็นลำดับ และเตรียมจะดำเนินการให้ครบทั้ง21จุดที่มีการสำรวจข้อมูลไว้
ขณะที่การบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะการดำเนินการกรณีจอดรถในที่ห้ามจอดรถ ที่ผ่านมาได้ดำเยินการอย่างเข้มข้น ที่ผ่านมาตลอด10วัน มีการดำเนินคดีออกใบสั่ง5,000ใบสั่งแล้ว และจะดำเนินการจริงจังต่อไป โดย ผบ.ตร.ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเพิ่มยอดใบสั่งตามที่มีคนตั้งข้อสงสัย เพราะการกระทำผิดจราจร จะส่งผลต่อการจราจรอย่างมาก และถ้าหากประชาชนไม่ทำผิดวินัยจราจร ก็คงไม่มีการออกใบสั่ง
ส่วนปัญหาฝนตกและน้ำท่วมขังตามถนนต่างๆส่งผลให้การจราจรติดขัดนั้น ยืนยันว่าคณะทำงานได้ดำเนินการบูรณาการกับทางกทม. ในการประสานลอกท่อ และส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดต่างๆในการบริหารจัดการจราจร
ทั้งนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เพิ่มช่องทางแจ้งข้อมูลข่าวสาร ให้ประชาชนแจ้งปัญหาจราจรที่พบในกทม. และปริมณฑล โดยประชาชนสามารถแอดไลน์แจ้งเบาะแสและปัญหา ผ่านคิวอาร์โค้ด สามารถดาวน์โหลดไดเที่ เฟซบุ๊คกองบังคับการตำรวจจราจร ส่วนช่อง อื่นๆ อาทิ สายด่วน1197 1599 รวมทั้งหมายเลข191 ประชาชนก็สามารถแจ้งได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม พลตำรวจเอกจักรทิพย์ เปิดเผยว่า หากการแก้ไขปัญหาจราจร ยังไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ อาจมีความจำเป็นในการพิจารณานำ มาตรา44 มาใช้ พิจารณาเพิ่มโทษแก้ไขกฎหมายแก่ผู้กระทำผิดกฎหมายให้รุนแรงขึ้น
