นายกฤษฎา เสกตระกูล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานพัฒนาความรู้ตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความสนใจลงทุนในธุรกิจสตาร์ตอัพมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบต้องสรุปกฎเกณฑ์ออกมาให้ชัดเจน เนื่องจากการลงทุนในหุ้นกลุ่มสตาร์ตอัพมีความเสี่ยงกว่าหุ้นทั่วๆ ไป แนวทางที่เป็นไปได้อาจออกมาในรูปแบบของ AI (เอไอ) ประกอบด้วยผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด เช่น กรณีบุคคลธรรมดา ต้องมีสินทรัพย์สุทธิไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท หรือมีรายได้ต่อปี 4 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนกรณีที่เป็นนิติบุคคล ต้องมีส่วนของผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีเงินลงทุนในหลักทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
ด้านนายอภิทาน ลี รองผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและวิจัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า การลงทุนในสตาร์ตอัพไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมสำหรับทุกคน เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง อีกทั้งสินค้า บริการ รูปแบบธุรกิจยังไม่มีความชัดเจน มีสินทรัพย์ถาวรน้อย หากธุรกิจไปไม่ได้เงินลงทุนก็สูญเปล่า ขณะที่ความอยู่รอดของธุรกิจขึ้นอยู่กับผู้ก่อตั้งและทีมงานเป็นหลัก
