ดอยซ์แบงก์ ธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนีเตรียมปลดพนักงาน 9,000 ตำแหน่งทั่วโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับโครงสร้าง หลังถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สั่งปรับเป็นเงินกว่า 4.8 แสนล้านบาท
โดยจำนวนพนักงานทั้งหมดที่จะถูกปลดในครั้งนี้เป็นพนักงานในเยอรมนี 4,000 คน ซึ่งทางดอยซ์แบงก์ยืนยันว่าขั้นตอนการดำเนินงานจะเป็นไปอย่างโปร่งใส และจะแสดงความรับผิดชอบต่อพนักงานที่ได้รับผลกระทบ
อาทิ การเสนอตำแหน่งงานว่างสำหรับพนักงานที่ถูกสั่งปลด และจะมีการช่วยเหลือสำหรับการหางานใหม่นอกธนาคาร
ทั้งนี้ ดอยซ์แบงก์ ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สั่งปรับเพื่อเป็นการยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกเมื่อปี 2551
————————–
ธนาคารจูเลียส แบร์ ของสวิตเซอร์แลนด์เผยผลสำรวจว่า นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ครองแชมป์เมืองที่มีราคาสินค้าและบริการหรูแพงที่สุดในเอเชียติดต่อกันเป็นปีที่ 3
โดยราคาสินค้าและบริการหลายอย่างในเซี่ยงไฮ้ปรับสูงขึ้นจากปีก่อน อาทิ ราคาซิการ์ที่ปรับขึ้น 7.6% รองเท้าผู้หญิงราคาสูงขึ้น 4.9% และราคาค่าสมาชิกชมรมกอล์ฟเพิ่มขึ้น 4%
แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของจีนและการรณรงค์ต่อต้านการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายของภาครัฐจะส่งผลกระทบต่อสินค้าหลายรายการตั้งแต่เครื่องเพชรจนถึงรถสปอร์ต แต่ทว่าราคาสินค้าหรูบางชนิดยังไม่ลดลง
ทั้งนี้ ผลสำรวจเมืองที่มีราคาสินค้าและบริการหรูแพงที่สุดในอันดับอื่นๆ ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น และไต้หวัน
—————————
ผลสำรวจจากรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า 1 ใน 5 ของแรงงานชาวญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากการทำงานหนักมากเกินไป
โดยผลสำรวจครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเอกสารทางวิชาการที่จัดทำขึ้นครั้งแรกเกี่ยวกับ ‘โรคคาโรชิ’ หรือ การเสียชีวิตจากการทำงานหนักเกินไป
จากผลการสำรวจระหว่างเดือนธันวาคม 2558 – มกราคม 2559 พบว่า 22.7% ของบริษัทที่เข้าร่วมในการสำรวจในแต่ละเดือนมีพนักงานที่ทำงานล่วงเวลามากกว่า 80 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังพบว่า พนักงานออฟฟิศในญี่ปุ่นราว 21.3% มีชั่วโมงทำงานเฉลี่ย 49 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้นต่อสัปดาห์
ทั้งนี้ ในตอนท้ายของผลสำรวจสรุปว่า พนักงานออฟฟิศในญี่ปุ่นมีระดับความเครียดที่เกี่ยวพันกับเรื่องงานสูง และผลักดันให้รัฐบาลเรียกร้องให้บริษัทต่างๆ ปรับปรุงสภาพการทำงานให้ดีขึ้น
