เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวตอนหนึ่งระหว่างปาฐกถาเนื่องในงานหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (JFCCT) ว่า ระยะเวลาที่เหลือนี้รัฐบาลจะวางรากฐานในระยะยาว ทั้งที่ได้ทำงานแล้ว3 ปี และที่จะอยู่ต่อไปอีก 1 ปีกว่าๆ ซึ่งไม่ว่าตนจะอยู่หรือใครจะเข้ามา ก็ต้องวางแผนระยะยาว เหมือนที่เราวางยุทธศาสตร์ 20 ปี และต้องมีการปฏิรูปประเทศอย่างครอบคลุม ในช่วงแรก 1-2 ปีเป็นเหมือนการเติมสิ่งที่ขาดและคลี่คลายปัญหาทั้งหมด และขณะนี้เราเริ่มรีฟอร์มปฏิรูปในระยะที่ 1 โดยในปี 2559-2560 เป็นปีก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน จึงขอฝากกับทุกประเทศหากพร้อมในด้านใดก็ขอให้สนับสนุนประเทศไทยด้วย ซึ่งทุกอย่างจะดีขึ้นอยู่พวกเราเอง คือ รัฐบาล และประชาชน ที่ต้องไปด้วยกันให้ได้ ที่ผ่านมาประเทศไทยมีปัญหาอย่างหลาย ถือว่าวันนี้ตนพูดเปิดอก และไม่อายที่จะพูด เพราะเป็นช่วงที่ต้องหาทางมาร่วมมือกัน และความขัดแย้งแบบที่ผ่านต้องยุติให้ได้ด้วยพวกเรากันเอง ซึ่งทุกคนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจึงต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีกโดยเด็ดขาด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้การเป็นนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบทั้งหมดอยู่แล้ว และถ้าไม่รู้เรื่องก็ไม่ควรเป็นนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เชื่อว่าต่อไปเราจะอยู่ได้อยู่แล้ว เพราะตนได้วางรากฐานให้หมดแล้ว จึงขออย่ามากังวลกับตน เพราะตนไม่ได้มาเพื่อทำลายล้างใคร แต่ต้องการทำเพื่อทุกคน และเตรียมอนาคตในวันหน้า ยืนยันรัฐบาลจะมุ่งมั่นทำบรรยากาศให้เอื้อต่อการลงทุน จึงขอให้ทุกคนช่วยกัน ถ้าไม่จบความขัดแย้งในวันนี้ เอาเรื่องเล็กๆมาเป็นเรื่องใหญ่ ก็จะไปไม่ได้ทั้งหมด และวันนี้ตนยังไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นนายกฯ แต่รู้สึกว่าเป็นน้อง เป็นพี่ และเป็นเพื่อนกับทุกคน ขอให้ทุกคนกลับมาช่วยประเทศไทยให้มีความสงบและสันติ รวมทั้งขอให้เปิดโอกาสให้ประเทศไทย อย่ามองตนเป็นอุปสรรค เพราะตนมาทำให้ทุกคน และเมื่อถึงเวลาก็จะมีคนอื่นมาทำต่ออยู่แล้ว ทั้งนี้เชื่อว่าในโลกไม่มีใครพูดแบบตน เพราะพูดจากหัวใจ และไม่ได้มุ่งหวังเป็นอะไรทั้งสิ้น แต่ต้องการให้ประเทศไทยมีความสงบสุข ทุกคนมีความสุข แม้สถานการณวันนี้ตนยังไปไหนไม่ได้ แต่ขอบคุณที่หลายประเทศยังเชิญตนไปร่วมประชุม
“คงไม่มีใครมาพูดแบบผมนี่หรอกหาได้เลยในโลกดเนี่ยไม่มี ผมพูดด้วยใจของผมไง From My heart Army Heart ไม่มุ่งหวังอะไรเลย ไม่มุ่งหวังจะเป็นอะไรทั้งสิ้น อยากได้อะไรชื่อเสียงจากผม ไม่ต้องการ ต้องการให้พวกเรามีความสุข ต้องการให้โลกใบนี้มันสงบ ต้องการให้ประเทสมีความสงบสุข วันหน้าไปมาหาสุ่กันได้มากขึ้นเที่ยวได้มากขึ้น ผมก็แก่แล้วตอนนั้น ผมตั้งใจจะไปเที่ยวตั้งหลายปีแล้ว ยังไม่ได้ไปเลย ไหนใครไม่ให้ผมไปบ้างเนี่ย เพราะวันนี้สถานการณ์แบบนี้ผมก็ไปไหนไม่ได้ ก็ขอบคุณหลายประเทศเขาให้เกียรติเชิญผมนะขอบคุณมาก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
