นาที ‘ตร.ปส.’ จู่โจมค้นบ้านระดับบิ๊กค้ายาบ้านผาขาว ยึดทรัพย์สินกว่า 10 ล้าน (คลิป)

หน่วยปฏิบัติการพิเศษสยบไพรีบุกค้นบ้านผู้สั่งการขนยาเสพติดเครือข่ายกลุ่มค้ายาบ้านผาขาว พร้อมยึดทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งเป็น 1 ใน 100 จุด ตามปฏิบัติการพิทักษ์ประชา 61/1

เมื่อเช้าวันที่ 12 ตุลาคม 2560 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 นำกำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษสยบไพรีเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 272/152 หมู่ 1 ตำบลถนนใหญ่ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พร้อมติดตามจับนายศศิ นามวงษ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครอง และความผิดตามพระราชบัญญัติสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดได้ที่จังหวัดอ่างทอง ขณะเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร

พ.ต.อ.อิทธิพล จันทร์ศรีบุตร ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 3 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นการขยายผลหลังจับผู้ต้องหารวม 4 คน พร้อมยึดยาบ้าของกลางกว่า 600,000 เม็ดได้ที่จังหวัดลพบุรี และตำรวจสืบสวนพบว่านายศศิเป็นผู้สั่งซื้อยาเสพติดดังกล่าว โดยมีพยานหลักฐานจากผู้ต้องหาทั้ง 4 คนที่ถูกจับก่อนหน้านี้ และยังพบการติดต่อของนายศศิที่เชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาด้วย จึงนำตัวนายศศิเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว

Advertisement

จากการสืบสวน พบว่านายศศิอยู่ระดับสั่งการในพื้นที่ของขบวนการค้ายาเสพติด ทำหน้าที่นำมากระจายต่อในพื้นที่ โดยลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านหรือกลุ่มค้ายาบ้านผาขาว และนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดมาลงทุนทำธุรกิจ ตำรวจจึงได้ขอศาลออกหมายจับพร้อมเข้าตรวจค้นเพื่ออายัดทรัพย์สินของนายศศิไปตรวจสอบ อาทิ รถจักรยานยนต์มูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท ซึ่งมีการตกแต่งอีกกว่า 500,000 บาท รถเบนซ์มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ร้านขายนมและเครื่องดื่ม รวมทรัพย์สินที่อายัดกว่า 10 ล้านบาท

พ.ต.อ.อิทธิพลเปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น นายศศิยอมรับเพียงว่าเคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ปฏิเสธกรณีตำรวจจับผู้ต้องหา 4 คน พร้อมยาบ้ากว่า 600,000 เม็ด ส่วนเงินที่นำมาลงทุนทำธุรกิจกับครอบครัว นายศศิอ้างว่าได้มาจากการเล่นการพนันไก่ชนและพนันทุกชนิด รวมถึงรายได้ที่ได้มาจากการปล่อยเงินกู้ให้กับนักพนัน โดยคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 บาท

จากการสืบสวนของตำรวจพบว่านายศศิมีการลงทุนทำธุรกิจร้านนมประมาณ 3 ปีก่อน และนำกำไรมาขยายธุรกิจ โดยนำเงินกว่า 1 ล้านบาทมาลงทุนเปิดร้านขายอาหารด้วย มีรายได้ต่อวันประมาณ 20,000 ถึง 30,000 บาท มีรายได้ประมาณ 700,000 บาทต่อเดือน แต่มีรายจ่ายเบื้องต้นอีกกว่า 200,000 บาท และพบว่าได้นำเงินไปซื้อทรัพย์สินจำนวนมาก โดยใช้ชื่อบุคคลอื่นครอบครองธุรกิจและทรัพย์สินต่างๆ อ้างว่าตัวเองติดแบล๊กลิสต์เป็นหนี้บัตรเครดิตประมาณ 70,000 บาท ซึ่งไม่สอดคล้องกับรายรับ จากนี้ตำรวจจะตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียด

Advertisement

ขณะที่พ่อตาของนายศศิได้เข้ามาที่บ้านพัก ยืนยันกับตำรวจว่าตัวเองไม่รู้เห็นเกี่ยวกับยาเสพติดและการทำธุรกิจของลูกเขย ส่วนบ้านหลังนี้ที่ตำรวจเข้าตรวจค้น อ้างว่านำเงินจากการขายที่นามาซื้อในราคากว่า 2 ล้านบาทโดยใช้ชื่อลูกสาว นอกจากนี้ ตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 ยังได้นำกำลังเข้าตรวจค้นร้านอาหาร รวมถึงร้านนมและเครื่องดื่มของนายศศิรวม 4 จุด และในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ตำรวจได้เข้าตรวจค้นพร้อมจับผู้ต้องหาอีก 1 คน ซึ่งเป็นการขยายผลมาจากการตรวจยึดยาบ้ากว่า 852,000 เม็ด และเฮโรอีนกว่า 7 กิโลกรัม

สำหรับการปิดล้อม ตรวจค้น และจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในครั้งนี้ เป็นไปตามแผนปฏิบัติการพิทักษ์ประชา 61/1 ในพื้นที่ภูธรภาค 1 ประกอบด้วย จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และสมุทรปราการ ซึ่งตำรวจสืบสวนพบว่าตั้งแต่ต้นปี 2560 พื้นที่จังหวัดดังกล่าวถูกใช้เป็นจุดที่นำยาเสพติดมาพักคอย ก่อนกระจายไปยังพื้นที่ภาคกลางและส่งออกไปทางภาคใต้ โดยมีจุดหมายประเทศที่ 3 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้สั่งการให้ตำรวจปราบปรามยาเสพติด/ตำรวจสายตรวจ และปฏิบัติการพิเศษ 191/ตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ทำการสืบสวนการข่าวก่อนเข้าปิดล้อมพื้นที่ชุมชนเสี่ยงซึ่งเป็นจุดแพร่ระบาดยาเสพติดและจุดพักคอย ตามปฏิบัติการพิทักษ์ประชา 61/1 รวมกว่า 100 จุด โดยเริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 5 ถึง 15 ตุลาคม

และเวลาประมาณ 13.00 น. จะมีการแถลงผลปฏิบัติการพิทักษ์ประชา 61/1 ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีรายงานว่าพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร่วมกันแถลงข่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image