จากกรณีที่มีหมีออกมาอาละวาดกัดสัตว์เลี้ยงและทำลายพืชสวนทางการเกษตรได้รับความเสียหายจำนวนมาก ในพื้นที่ หมู่ 6 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จนชาวบ้านหวาดผวาไม่กล้าออกไปไหน ขณะที่เจ้าหน้าที่และหน่วยกู้ภัยออกตรวจสอบหาร่องรอยติดตามจับตัวนำไปปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติแต่ยังไม่พบ
ล่าสุดเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา นายพรชัย สิทธิเกษตร เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโสเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากรมหลวงชุมพร รับแจ้งจากนายปิยพันธ์ มณเฑียรทอง หัวหน้าหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู จุดรับแจ้งเหตุ สภ.ท่าแซะ ว่า นางนันทา ชัยสงคราม อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87/2 หมู่ 6 ต.ท่าแซะ จ.ชุมพร ขอความช่วยเหลือเนื่องจากพบหมีมาเดินวนเวียนอยู่บริเวณหน้าบ้าน ขอให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบด้วย
ที่บ้านหลังดังกล่าว พบหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูคอยดูแลความปลอดภัยอยู่จำนวนหนึ่ง โดยนางนันทาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อช่วงค่ำตนขับรถจักรยานยนต์ไปงานศพเพื่อนบ้านที่วัดศรีสุเทพในตัวตลาด อ.ท่าแซะ ห่างจากบ้านตนประมาณ 500 เมตร หลังพระสวดพระอภิธรรมเสร็จได้นั่งพูดคุยกับเพื่อนถึงข่าวที่ออกสื่อต่างๆ ที่ชาวบ้านเจอหมีออกอาละวาดกัดสัตว์เลี้ยงและพืชสวน ซึ่งบางคนก็บอกว่าเคยเห็นมากับตา บางคนก็ไม่เชื่อว่าจะมีหมีเข้ามาอยู่ในย่านชุมชนแห่งนี้
นางนันทากล่าวว่า หลังจากนั้นไม่นานตนขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน ขณะเลี้ยวรถจากถนนคอนกรีตเข้าบ้านไฟหน้ารถส่องไปเจอหมีตัวสีดำใหญ่กว่าสุนัขเดินอยู่บริเวณหน้าบ้าน ด้วยความตกใจจึงรีบจอดรถไว้ข้างบ้านแล้ววิ่งไปเปิดประตูรีบเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
นางนันทากล่าวต่อว่า ส่วนหมีเมื่อเห็นตนก็ไม่มีทีท่าว่าจะตกใจกลัว แล้วมันยังเดินไปมาทางม้าหินอ่อนใต้โคนต้นไม้เข้าไปในป่าละเมาะ ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งหน่วยกู้ภัยให้มาตรวจสอบดังกล่าว ซึ่งตนยืนยันว่าเป็นหมีอย่างแน่นอน เพราะเหมือนกับหมีที่ตนเคยเห็นตามสวนสัตว์และในสารคดี
หลังจากได้ซักถามข้อมูลอย่างละเอียด นายพรชัยพร้อมเจ้าหน้าที่เกือบ 10 คน ได้แบ่งกำลังออกเป็นสองชุดตรวจสอบตามป่าละเมาะและสวนทุเรียน สวนปาล์มของชาวบ้านในพื้นที่ละแวกใกล้เคียงแต่ไม่พบตัวหมีแต่อย่างใด
นายพรชัยกล่าวว่า หลังจากที่ชาวบ้านพบหมีในช่วง 2 วันที่ผ่านมา จากการลงพื้นที่ตรวจสอบร่องรอยและลักษณะของการตะปบตะกายต้นไม้ พืชสวนของชาวบ้าน คาดว่าเป็นหมีอย่างแน่นอน แต่จะเป็นหมีชนิดใด จะต้องรอผู้เชี่ยวชาญจากสถานีวิจัยสัตว์ป่าคลองแสง จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งจะเดินทางลงพื้นที่ในวันที่ 19 ตุลาคมนี้ และวางแผนในการจับหมีกลับไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป
