ความคืบหน้ากรณีความคืบหน้ากรณีนายศรชัย สถิตย์รักษ์ดำรง อายุ 35 ปี ชาว ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ถูกยิงเข้าที่ท้ายทอยจนเสียชีวิต ขณะขับรถเก๋งผ่านด่านตรวจบ้านแม่ต๋ำ ต.ท่าก๊อ โดยมี น.ส.ศิริรัตน์ แยเบียง อายุ 28 ปี แฟนสาว นั่งมาด้วย แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุดทาง พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 ได้เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ ผบก.ภ.จว.เชียงราย นายอำเภอแม่สรวย ผกก.แม่สรวย และชุดคลี่คลายคดี ว่า ขณะนี้เริ่มจะเห็นภาพชัดเจนแล้ว โดยมีการยอมรับแล้วว่ามีการยิงปืน แต่ยังไม่ยอมรับตรงๆ บ้างก็ว่ายิงขู่ บ้างก็ว่ายิงปืนขึ้นฟ้า จึงต้องหาหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งได้ให้ทางตำรวจกักตัวผู้ที่มีอาวุธปืน ให้กลับไปเอาปืนมามอบให้กับตำรวจ เพื่อนำมาตรวจสอบ โดยยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องแน่นอน เพราะจุดตรวจดังกล่าวเป็นด่านตรวจของชุมชนเป็นด่านตรวจของฝ่ายปกครอง ไม่ได้เป็นด่านตรวจหลักของตำรวจ ส่วนใหญ่ผู้ที่มีอาวุธปืนที่เรียกมาสอบส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทุกคน
พล.ต.ท.พูลทรัพย์ กล่าวอีกว่า คดีนี้จึงต้องค่อยๆ ดำเนินการตามกฎหมาย โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด แต่จะรวบรัดโดยทันทีไม่ได้ เพราะต้องอาศัยพยานหลักฐานหลายอย่างประกอบกัน ขณะเดียวกันแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อกระทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่ว่าจะปฎิบัติหน้าที่อยู่หรือไม่ก็ตามด้วย
พล.ต.ท.พลูทรัพย์ กล่าวด้วยว่าข้อเท็จจริงจุดตรวจดังกล่าวเป็นจุดตรวจเพื่อใช้ดูแลไม่ให้เกิดอุบัติเหตุตามท้องถนน รวมทั้งอาญชญากรรมในบริเวณนั้น เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิด เพราะจากการสอบปากคำ น.ส.ศิริรัตน์ที่นั่งมาด้วยนั้นทราบว่ามองจากในรถนั้นมองแทบไม่เห็น เห็นด่านก็เห็นเฉพาะไฟไม่เห็นเจ้าหน้าที่ แต่จริงๆมีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ 4 คนในวันเกิดเหตุ
โดยภาพที่เห็นจากกล้องหน้ารถจะเห็นรถยนต์ขับผ่านด่านตรวจ โดยมีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ด้านข้าง ลักษณะไม่ชัดเจนว่าเป็นการโบกให้หยุดรถหรือโบกให้ชะลอรถ ผู้เสียชีวิตก็ขับผ่านไปปกติ โดยไม่ได้มีลักษณะเร่งความเร็ว ก่อนจะมีเสียงผู้ชายร้อง จากนั้นรถก็วิ่งไถลไปข้างทางและชนเสาไฟฟ้า พร้อมเสียงหวีดร้องของผู้หญิง
ขณะที่กลางดึกที่ผ่านมา พล.ต.ต.ยุทธชัย พัวประเสริฐ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดเก็บกู้ระเบิดหรืออีดโอดี จำนวนร่วม 100 นาย ลงพื้นที่ถนนสายภายในหมู่บ้านแม่ต่ำ ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นจุดตรวจชุมชนที่นายศรชัย สถิตรักษ์ดำรง อายุ35ปี ผู้เสียชีวิต และ แฟนสาว ขับรถเก๋ง ผ่านมาและได้มีกระสุนปริศนายิงใส่ เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมโดยเฉพาะปลอกกระสุนและหัวกระสุนที่ใช้ก่อเหตุ
แต่จากการกระจายกำลังเดินแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งตั้งแต่จุดตรวจไปจนถึงจุดที่รถชนกับเสาไฟฟ้าระยะทางประมาณ 100 เมตรก็ไม่พบแต่อย่างไร ทางเจ้าหน้าที่จึงได้มีการพาผู้ต้องสังสัย 2 ใน 5 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กักตัวไว้ที่ปฎิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุมาชี้จุดเพื่อหาจุดยิงที่แน่นอน เพื่อประกอบสำนวนเพิ่มเติมแทน
ซึ่งเบื้องต้นทางผู้ต้องสงสัยทั้งหมดให้การปฎิเสธโดยไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนลงมือยิง อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าทางตำรวจได้พบหัวกระสุนติดอยู่ในรถของผู้ตาย 1 ชิ้น ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญที่จะมัดตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุครั้งนี้ ซึ่งได้มีการนำไปตรวจพิสูจน์กับอาวุธปืนที่ยึดได้จากผู้ต้องสังสัยทั้ง 5 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ระบุว่ามีใครบ้างบอกเพียงว่าเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทั้งหมด เพื่อยืนยันทางนิติวทยาศาสตร์ในการมัดให้แน่ชัดก่อนที่จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้กระทำผิดว่าเป็นใคร
ขณะที่ทางญาติของนายศรชัย ผู้ตายแม้จะพอใจในการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบ้างแล้ว แต่ยังไม่รู้คนก่อเหตุที่ชัดเจน ทำให้ยังคงไม่นำศพกลับไปบ้านยังคงนำศพติดตามตำรวจชุดคลี่คลายไปทั้งสถานีตำรวจและยังจุดพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดี
ซึ่งนายธีรศักดิ์ ทนายความ เปิดเผยว่าภายหลังตำรวจเร่งทำการสืบสวนสอบสวนจนทราบเบาะแสของผู้ก่อเหตุแล้วว่าเป็นใครบ้าง ก็ทำให้ทางญาติรู้สึกดีใจและพอใจในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวก่อเหตุที่แท้จริงได้ ทางญาติจึงอยากขอความเป็นธรรมให้ตำรวจจับกุมคนก่อเหตุมาลงโทษโดยเร็ว ซึ่งระหว่างนี้คงยังจะไม่มีการเผาศพของนายศรชัย โดยคงจะยังคงเก็บศพไว้จนกว่าจะหาตัวผู้กระทบผิดมาลงโทษ
มีรายงานว่าวันนี้ทางเจ้าหน้าที่จะเข้ามาเก็บหลักฐาน พร้อมกับจะมีการเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบวิถีการยิงและเก็บหลักฐานเพิ่มเติมอีกครั้ง ภายหลังจากเมื่อคืนนี้ตำรวจชุดคลี่คลายคดีได้นำผู้ต้องสงสัยจำนวน 5 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่ปฎิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุไปชี้จุดเกิดเหตุ
แต่ยังไม่มีใครรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือยิงรถคันดังกล่าว ซึ่งต้องรอผลตรวจสอบหลักฐานที่เก็บได้จากภายในรถไปเทียบเคียงกับอาวุธปืนที่ยึดมาจากกลุ่มผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในวันเกิดเหตุออกมาก่อนซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
เบื้องต้นยังไม่ได้มีการควบคุมตัวใครไว้เป็นผู้ต้องหา เพียงแต่มีการทำบันทึกการสอบปากคำผู้ที่ปฎิบัติหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องประมาณ 5 คนไว้และได้ปล่อยตัวไป
