คืบหน้าคดีฆ่าหมกศพหนุ่มเจ้าของร้านพรีเวดดิ้งเมืองตรัง พบกลายเป็นศพเปลือยกาย สายเบลท์พาดคอนอนตายขึ้นอืดมาแล้ว 4 วัน อยู่ในรถยนต์เก๋งกลางสนามกีฬาเมืองตรัง จนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาเป็นหนุ่มคู่ขา คือ นายพีรภัทร หรือแมน เพชรพรม อายุ 26 ปี ในข้อหาลักทรัพย์ หรือรับของโจร หลังจากทรัพย์สินมีค่าในตัวผู้ตายหายไป และรับสารภาพว่าได้ร่วมรักกัน จากนั้นผู้ตายเกิดอาการช็อกน้ำลายฟูมปากและเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณสนามกีฬาเทศบาลนครตรัง 2 (ทุ่งแจ้ง) เขตรอยต่อ ม.5 ต.บางรัก เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 1 ม.ค.2561 นั้น
ล่าสุด เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ที่วัดทุ่งนา ม.2 ต.น้ำผุด อ.เมืองตรัง ญาติได้นำศพ นายภาคิน หรือกานต์ ศรนารายณ์ อายุ 32 ปี หนุ่มเจ้าของร้านพรีเวดดิ้งเมืองตรัง กลับจาก รพ.สงขลานครินทร์ (ม.อ.) มาตั้งศพบำเพ็ญกุศล ท่ามกลางบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดยมีบรรดาญาติและเพื่อนๆ ราว 100 คน มาร่วมงาน หลังจากเจ้าหน้าที่ ตร.ได้ส่งศพผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งผลการชันสูตรของทีมแพทย์ระบุว่า ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย พร้อมบันทึกใบมรณะบัตรว่า เสียชีวิตจากอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ ส่งผลทำให้ภาวะหัวใจล้มเหลว แต่ไม่สามารถตรวจศพได้อย่างละเอียด เนื่องจากมีสภาพที่เน่าเปื่อยมาก
ขณะที่ พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง หัวหน้าทีมสอบสวน ก็ได้เดินทางมาที่วัดทุ่งนา เช่นกัน ก่อนเปิดเผยว่า เบื้องต้นไม่พบร่องรอยว่า นายภาคิน ถูกทำร้าย เจึงตรียมส่งอวัยวะบางส่วน รวมทั้งตับ ไต เศษอาหารในกระเพาะ และน้ำในร่างกาย ส่งไปตรวจยังสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ กรุงเทพฯ เพื่อพิสูจน์สาเหตุของการเสียชีวิตให้แน่ชัดอีกครั้ง ซึ่งจากการพูดคุยกับทางญาติๆ หลังทราบผลการชันสูตรศพออกมาแล้ว ต่างยังคงปักใจเชื่อว่าผู้ตายเสียชีวิตจากการฆาตกรรม
พล.ต.ท.ประเสริฐ เปิดเผยต่อไปว่า สำหรับพยานหลักฐานที่ทีมสืบสวนเก็บมาได้ มีเสื้อของผู้ต้องหาที่ใช้เช็ดน้ำลายฟูมปาก และเสื้อของผู้ตายที่ผู้ต้องหาสวมใส่ไป ส่วนสร้อยคอทองคำ 7 บาท เลสข้อมือทองคำ แหวน 2 วง ที่ผู้ต้องหาได้นำไปแปลงสภาพเป็นเงิน แล้วนำไปซื้อเครื่องประดับทองคำ 2 ชุด ให้ผู้ต้องหาเอง 1 ชุด และกิ๊กคนใหม่ 1 ชุด ที่ร้านทองภายในห้างเทสโก้โลตัส สาขาตรัง นั้น สามารถพิสูจน์ได้จากตั๋วรับจำนำ และภาพจากกล้องวงจรปิด รวมทั้งมีการไปซื้อโทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟน คนละ 1 เครื่องด้วย จึงได้ยึดไว้เป็นของกลางทั้งหมดเพื่อประกอบสำนวนคดี ส่วนโทรศัพท์มือถือของผู้ตายนั้น ผู้ต้องหาปฏิเสธว่า ไม่ได้เอาไป
