ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Watcharapong Laosupo ได้นำภาพเหตุการณ์จากกล้องติดหน้ารถโพสต์ฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนบนทางหลวงหมายเลข 244 ซึ่งเป็นถนนสี่เลนระหว่างเขตรอยต่ออำเภอโชคชัย และอำเภอครบุรี จ.นครราชสีมา ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 41 บริเวณบ้านดอนไพล ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมข้อความว่า
“เตือนภัยเพื่อนๆ ครับ โชคชัย ครบุรี ก่อนถึง ปตท.ดอนไพล ระวังด้วยนะครับ” ซึ่งภาพวิดีโอที่บันทึกได้ เป็นภาพเหตุการณ์ขณะที่ผู้โพสต์กำลังขับรถไปยังปั๊มน้ำมัน จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งยืนขวางหน้ารถโดยไม่ทราบสาเหตุ จนต้องหักหลบอย่างกะทันหัน แต่โชคดีที่เหตุการณ์นี้ไม่มีใครได้รับอันตรายแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากที่มีการโพสต์เตือนทางเฟซบุ๊ก ปรากฏว่ามีผู้เข้าไปกดไลค์และแชร์ภาพเหตุการณ์กันอย่างกว้างขวาง พร้อมวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์กันไปต่างๆ นานา ซึ่งส่วนใหญ่มองว่าอาจจะเป็นการกระทำของกลุ่มวัยรุ่นที่คึกคะนอง หรืออาจเป็นกลุ่มมิจฉาชีพที่ไม่หวังดีต่อผู้ใช้รถใช้ถนน รวมถึงมีบางส่วนคิดว่าคนที่ยืนขวางเป็นหุ่นที่มิจฉาชีพนำมาตั้งไว้ เพื่อหวังให้ขับรถชนแล้วลงมาดูก่อนจะทำการจี้ชิงทรัพย์
จากการติดต่อสอบถามกลับไปยังผู้โพสต์ ทราบว่าผู้โพสต์ชื่อนายวัชรพงศ์ เหล่าสุโพธิ์ เป็นชาว อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ปัจจุบันไปทำงานอยู่ที่ จ.สระบุรี โดยนายวัชรพงศ์เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังผ่านทางโทรศัพท์ว่า วันเกิดเหตุเป็นวันที่ 25 ม.ค.61 ตนกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร และเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ได้ขับรถออกจากบ้านเพื่อจะไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มที่ปั๊มน้ำมันดอนไพล ก่อนจะถึงปั๊มน้ำมันก็ขับรถชิดซ้ายเพื่อจะเข้าปั๊ม จู่ๆ ก็มีเงาตะคุ่มๆ อยู่ด้านหน้ารถ จึงตีไฟสูงและเห็นเป็นชายฉกรรจ์คนหนึ่งยืนนิ่งขวางหน้ารถ และสังเกตเห็นว่ามีชายอีกคนยืนอยู่ริมถนนพร้อมรถจักรยานยนต์ จึงหักหลบทันที ด้วยความที่วิ่งรถมาไม่เร็วนัก จึงหักหลบทันและสามารถควบคุมรถได้ ก่อนจะเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมัน และเล่าเหตุการณ์ดังกล่าวให้กับเด็กปั๊มฟัง ก่อนที่เด็กปั๊มจะวิ่งไปดูที่เกิดเหตุแต่ก็ไม่พบว่ามีใครอยู่แล้ว
ตนจึงกลับมาดูภาพเหตุการณ์จากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่หน้ารถ และตัดสินใจโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อแจ้งเตือนเพื่อนๆ และคนรู้จัก เนื่องจากมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่อันตราย แม้ไม่ทราบถึงสาเหตุหรือความประสงค์ของผู้ที่มายืนขวางรถว่าทำไปด้วยเหตุใด แต่ก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายและความสูญเสียได้ ก่อนจะมีการโพสต์แชร์ออกไปอย่างกว้างขวางดังกล่าว
