น้ำจากเขื่อนจีนมา น้ำตาใครไหล เมื่อไทยในน้ำไม่มีปลา นาไม่มีข้าว ?
ภัยแล้งที่กัดกร่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2559 อย่างรุนแรง ทำให้เกิดคำถามว่าภัยแล้งครั้งนี้เกิดจากการไม่มีน้ำจริงๆ หรือความบกพร่องในการบริหารจัดการน้ำ เพราะแม่น้ำที่ไหลแยกออกเป็นแม่น้ำโขง กับ สาละวิน ซึ่งแม่น้ำสาละวินนั้นยังคงมีน้ำตามปกติ ขณะที่แม่น้ำโขงนั้นกลับไม่มีน้ำ อาจจะมีจากสาเหตุจากจำนวนเขื่อนที่เยอะ และการไม่ได้ตกลังกันในการใช้น้ำ
กระทั่งนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ และสมาชิกเครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง ที่บอกว่าการที่ประเทศจีนปล่อยน้ำจากเขื่อนที่กั้นแม่น้ำโขงให้ไหลลงแม่น้ำโขงมายังประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ที่อ้างว่าเพื่อช่วยเหลือแก้ปัญหาภัยแล้งนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากจีนได้ก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่กั้นแม่น้ำโขงไว้แล้วจำนวน 6 แห่ง จนทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศลุ่มน้ำโขงและประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงทุกฤดูกาล เมื่อเกิดภัยแล้งจีนอ้างว่าปล่อยมาเพื่อช่วยเหลือภัยแล้ง แต่ความเป็นจริงคือปล่อยเพราะการปั่นกระแสไฟฟ้าและเพื่อให้เรือบรรทุกสินค้าของจีนสามารถล่องน้ำโขงได้สะดวกยิ่งขึ้น ถือเป็นการดำเนินการที่เน้นผลประโยชน์ส่วนตัว
คุณสุรนันทน์มองว่าไม่ใช่เพียงแค่น้ำโขงที่แห้ง แต่แม่น้ำสายหลักในประเทสก็แห้งเช่นกัน ไม่มีการกักเก็บน้ำเป็นเรื่องเป็นราว ส่วนประเด็นนอกประเทศ มองไปที่แม่น้ำโขงจะเห็นได้ว่าไหลผ่านหลายประเทศ ประเทศจีนเองในช่วงยุคของการพัฒนาได้ทำเขื่อนกั้นน้ำไว้หลาย ทำให้ประเทศปลายน้ำอื่นๆเหลือน้ำไว้ใช้น้อยลง ประเด็นที่ต้องมาดูคือการเจรจาต่อรองการแบ่งปันการใช้น้ำ รวมถึงการหาทางเลือก ทางรอดเพื่อสู้ภัยแล้ง อาจจะนำเทคโนโลยีน้ำหยดเหมือนในหลายๆประเทศมาใช้
อ.พิชญ์บอกว่า เราคงต้องคิดใหม่กับคำขวัญว่า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เพราะเราก็ต้องพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย เราคงต้องทบทวนในเรื่องนี้ อย่ามั่นใจว่าเราจะมีทรัพยกรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ตลอดไป
ติดตามรายการ “The Hel(l)met Show หมวกกันน็อค” ได้ทางมติชนออนไลน์ หรือ ทางช่องทาง Youtube ในช่อง MatichonTV วันจันทร์ – พุธ – ศุกร์ 18.00น.
ดำเนินรายการโดย “ไบค์เกอร์หนุ่มใหญ่” ที่สลัดคราบอาจารย์นักวิชาการ “พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์”
“เจ้าของร้านกาแฟนักปั่นย่านสุขุมวิท” จากอดีตนักการเมืองที่ช่วงนี้ต้องพักงาน “สุรนันทน์ เวชชาชีวะ”
Don’t be insane protect your brain !!!
รักสมอง…ลอง “หมวกกันน็อค” !?
